เข้าร่วมขายสินค้าออนไลน์ กับ บีมอลล์ และ บริษัทในเครือ

  • เงื่อนไขและข้อตกลง
  • ลงทะเบียนร้านค้า

ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ “BeMall”

คู่สัญญา

                    โดยที่ผู้สมัคร ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา/นิติบุคคล ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศไทย โดยมีหมายเลขประจำตัวประชาชน/หมายเลขทะเบียนนิติบุคคล มีที่อยู่อาศัย/ที่อยู่จดทะเบียน ตามที่ระบุไว้ในแบบฟอร์มสมัครร้านค้า (Merchant Application Form) ซึ่งได้ให้รายละเอียดไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า

“ผู้ขาย”


                    และ

บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท ดิจิตอล จำกัด

ซึ่งมีกรรมสิทธิ์หรือบุคคลสิทธิ์อย่างเจ้าของกรรมสิทธิ์ในห้างสรรพสินค้าออนไลน์ จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศไทย ทะเบียนนิติบุคคลเลขที่ 0105560143331 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ 256 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า

“บริษัท”


                    โดยที่

บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท ดิจิตอล จำกัด

“บริษัท”

เป็นผู้ประกอบกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีวัตถุประสงค์เป็นผู้ให้บริการช่องทางการขายสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางอื่นใดของบริษัทซึ่งอาจจะมีขึ้นในอนาคต


                    โดยที่

ผู้ขายต้องการที่จะทำสัญญากับบริษัท ด้วยเจตนาอันสุจริตในการขายสินค้าของตนให้แก่ผู้ซื้อผ่านทางแพลตฟอร์มที่บริษัทให้บริการ



คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจึงตกลงกันดังนี้:

                    คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะยึดถือข้อตกลงและเงื่อนไขทั้งหมดที่ได้ระบุไว้ในภาคผนวก ก และ ภาคผนวก ข รวมถึงกฎระเบียบ คำบอกกล่าวที่อาจจะมีขึ้นในอนาคตด้วยเจตนาอันสุจริต ดังที่บุคคลทั่วๆ ไปจะกระทำในการดำเนินธุรกิจของตน และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามกฎหมายทั้งหมดที่ใช้บังคับ เว้นแต่จะมีข้อตกลงและ/หรือการเปลี่ยนแปลงแก้ไขที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร

        คู่สัญญาได้อ่านและเข้าใจข้อความในข้อตกลงและเงื่อนไขทั้งหมดซึ่งสอดคล้องกับเจตนาของคู่สัญญาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว และให้บังคับใช้ข้อตกลงฉบับนี้นับแต่วันที่มีการตกลงยินยอมกันเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ว่าจะจัดมีการจัดเก็บเป็นหลักฐานในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือในรูปแบบอื่นใด


                1.คำนิยาม

                    (1) “BeMall” หรือ “www.be-mall.com” หรือ “เว็บไซต์” หมายถึง เว็บไซต์ที่มีไว้สำหรับระบบตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตโดยให้สมาชิกร้านค้านำสินค้าหรือบริการมาขายหรือให้บริการแก่ผู้ใช้บริการบน www.be-mall.com รวมถึงเว็บไซต์ที่รองรับระบบแพลตฟอร์ม BeMall ซึ่งอาจจะมีระบบอีคอมเมิร์ซแบบเรียลไทม์และแบบออฟไลน์ และการดำเนินการของเว็บไซต์ที่ให้บริการโดยบริษัทสำหรับการทำรายการสินค้าและบริการที่จะมีขึ้นในอนาคต ("สินค้าหรือบริการ")

                    (2) “บริษัท” หมายถึง บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท ดิจิตอล จำกัด

                    (3) “ผู้ขาย” หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ได้ลงทะเบียนร้านค้า และลงทะเบียนสินค้ากับบริษัทโดยใช้แบบฟอร์มของการโฆษณาสินค้าที่จัดหาให้โดยบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์ในการขายสินค้าซึ่งมอบสิทธิ์ให้กับสมาชิกร้านค้า ที่ไม่เพียงมีสิทธิ์ในการซื้อสินค้าและใช้บริการที่เกี่ยวข้องใน BeMall เท่านั้น แต่ยังใช้บริการตามที่อธิบายไว้ใน "ข้อตกลงของผู้ขาย" อีกด้วย

                    (4) "ข้อตกลงของผู้ขาย" หมายถึง ข้อตกลงและเงื่อนไขในการใช้บริการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ “BeMAll” ฉบับนี้

                    (5) “ผู้ซื้อ” หมายถึง ผู้ใช้บริการใดๆ ที่ซื้อสินค้าของผู้ขายที่ลงทะเบียนกับบริษัท สิทธิ์ในการซื้อถูกมอบให้กับทั้งสมาชิกทั่วไปและสมาชิกร้านค้าและผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก

                    (6) “แพลตฟอร์ม” หมายถึง ช่องทางผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน รวมถึงทรัพย์สินอินเตอร์เน็ตโดเมนอื่นใดของบริษัท หรือช่องทางอื่นใดซึ่งอาจจะมีขึ้นในอนาคต

                    (7) “กิจกรรมทางด้านการค้า” หมายถึง กิจกรรมที่เกี่ยวข้องและ/หรือกิจกรรมการจัดการรายการสั่งซื้อ การขาย การบริการ หรือกิจกรรมอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน

                    (8) “คำสั่งซื้อ” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับการขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อผ่านทางแพลตฟอร์ม

                    (9) “รูปแบบการดำเนินการคำสั่งซื้อสินค้า” หมายถึง หน้าที่หรือข้อปฏิบัติในการดำเนินการตามคำสั่งซื้อสินค้า มี 2 แบบ คือ

                            (ก) “การดรอปชิป” หมายถึง ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาแหล่งสินค้า เก็บรักษา ขาย และบรรจุหีบห่อสินค้าทั้งหมด รวมทั้งส่งสินค้าให้แก่ผู้รับตามที่อยู่การส่งสินค้าที่ระบุในคำสั่งซื้อ โดยบริษัทจะพยายามให้การสนับสนุนในการประสานงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งสินค้า และกิจกรรมการขายซึ่งประกอบด้วยการตอบคำถามของผู้ซื้อและดำเนินการจัดการสินค้าส่งคืน

                            (ข) “การดำเนินการโดยบุคคลที่สาม” หมายถึง ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาแหล่งสินค้าและจัดส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่บริษัทจัดไว้ บริษัทจะให้การสนับสนุนผ่านทางบุคคลที่สามที่บริษัทเลือกในการประสานงานด้านกิจกรรมการจัดเก็บสินค้า การขาย บรรจุหีบห่อ และออกใบแจ้งราคาสินค้าซึ่งเกี่ยวข้องกับสินค้า (ต่อเมื่อกรรมสิทธิ์ของสินค้ายังคงอยู่ในความครอบครองของผู้ขายแต่เพียงผู้เดียวจนกว่าจะมีการบังคับใช้ข้อตกลงของผู้ซื้อโดยสมบูรณ์) รวมถึงการส่งสินค้าให้แก่ผู้รับตามที่อยู่ที่ระบุในคำสั่งซื้อ บริษัทจะให้การสนับสนุนในการประสานงานเกี่ยวกับกิจกรรมหลังการขาย ซึ่งประกอบด้วยการตอบคำถามของผู้ซื้อและดำเนินการจัดการสินค้าส่งคืน

                    “วันทำการ” หมายถึง วันและเวลาที่บริษัทเปิดให้บริการตามปกติ ซึ่งไม่รวมวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ทั้งนี้วันทำการและวันหยุดยึดตามวันและเวลาในประเทศไทย

                    “การชำระเงิน” หมายถึง บริษัทจะทำการกระทบยอดและชำระเงินค่าธรรมเนียมการดำเนินการ การชำระเงิน การคืนเงินค่าธรรมเนียมการผิดนัด และการปรับปรุงรายการใดๆ ทั้งหมด

                    (12) “ค่าธรรมเนียมการดำเนินการ” หมายถึง บริษัทจะออกใบกำกับค่าธรรมเนียมสุทธิของภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีทั้งหมดที่บังคับใช้ตามกฎหมายแก่ผู้ขาย

                    (13) “ค่าธรรมเนียมการผิดนัด” หมายถึง ผู้ขายยกเลิกหรือปฏิเสธการดำเนินการตามคำสั่งซื้อ หรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับอื่นใดของข้อตกลงฉบับนี้ ซึ่งนำไปสู่การยกเลิกคำสั่งซื้อ (ไม่ว่าจะโดยผู้ขายหรือโดยบริษัท) และค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่ระบุไว้ในเงื่อนไขพิเศษ ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินการที่บริษัทมอบให้และจะมอบให้แก่ผู้ขายตามคำสั่งซื้อ

                    (14) “รหัสผ่าน” หมายถึง ตัวอักษร และ/หรือ ตัวเลขผสมกันที่ ผู้สมัครเป็นผู้กำหนดด้วยตัวเองตอนลงทะเบียน โดยผู้สมัคร จะใช้ “รหัสผ่าน” นี้ในการเข้าระบบได้ หลังจากเมื่อที่บริษัทอนุมัติให้ผู้สมัครใช้แพลตฟอร์ม หรือ ขายสินค้ากับ BeMall ระบบจะทำการตอบอีเมลกลับไปให้ผู้สมัครโดยอัตโนมัติ หลังจากนั้นผู้สมัครจะสามารถใช้บัญชี และ รหัสผ่านที่สร้างไว้ในการเข้าระบบ เพื่อการเข้าถึง เพื่อการจัดบางอย่างเกี่ยวกับการขายสินค้าบนเว็บไซด์


                2.ขอบเขตเงื่อนไขการให้บริการ

                    2.1 ข้อตกลงของผู้ขายฉบับนี้บังคับใช้กับคู่สัญญาระหว่างบริษัทและผู้ขาย เพื่อกิจกรรมที่บริษัทมอบให้แก่ผู้ขายในการลงรายการและจำหน่ายสินค้าหรือบริการผ่านทางแพลตฟอร์มต่างๆ ของบริษัท เพื่อให้บริษัทรวบรวม ทำให้สอดคล้องกัน และดำเนินการธุรกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับผู้ขายผ่านทางแพลตฟอร์ม ในฐานะผู้แทนในการดำเนินการชำระเงินให้แก่ผู้ขาย และกิจกรรมทางด้านการค้าหรือการสร้างเนื้อหาอื่นๆ ดังที่คู่สัญญาได้ตกลงกันไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร

                    2.2 ข้อตกลงของผู้ขายฉบับนี้รวมถึงการใช้บริการเติมเงินมือถือ จ่ายบิลหรือชำระค่าบริการ หรือบริการอื่นๆ ที่อาจมีขึ้นในอนาคต ภายใต้ระบบรับชำระเงินบุญเติม หรือ Boonterm Payment Gateway โดยค่าธรรมเนียมการบริการดังกล่าวให้เป็นไปตามเงื่อนไขของผู้ให้บริการ

                    2.3 ข้อตกลงของผู้ขายฉบับนี้มีผลบังคับใช้เหนือกว่า ข้อตกลง หรือเงื่อนไข หรือข้อตกลงฉบับอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกัน เว้นแต่มีการระบุไว้อย่างชัดแจ้งให้บังคับเป็นอย่างอื่น

                    2.4 ผู้ขายไม่สามารถมอบ โอน หรือทำสัญญารับช่วงสิทธิ์และ/หรือข้อผูกมัดของตนส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด อันเกิดขึ้นจากข้อตกลงของผู้ขาย โดยมิได้รับความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท

                    2.5 บริษัทอาจมอบ โอน หรือทำสัญญารับช่วงสิทธิ์และ/หรือข้อผูกมัดส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด อันเกิดขึ้นจากข้อตกลงของผู้ขายได้ โดยมิต้องได้รับความยินยอมจากผู้ขาย

                    2.6 ผู้ขายจะแจ้งชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ และ/หรือที่อยู่อีเมลของผู้ติดต่อระหว่างชั่วโมงเปิดทำการเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อซึ่งสนับสนุนประสิทธิภาพการทำงาน การทำธุรกรรมหรือกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่บริษัทร้องขอ แต่ไม่จำกัดเพียงเนื้อหาบนเว็บไซต์ กิจกรรมทางด้านการค้า การอัพเดตระดับราคาสินค้าในสต็อก และการอัพเดตราคาและกิจกรรมต่างๆ ภายใต้ข้อตกลงนี้


ส่วน ก. ข้อบังคับในการลงรายการสินค้าบน BeMall


                3. ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือเนื้อหาบนเว็บไซต์

                    3.1 ผู้ขายจะมอบเนื้อหา ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลผลิตภัณฑ์ ข้อความ รูปภาพ และข้อมูลอื่นๆ ที่ครบถ้วนสมบูรณ์และถูกต้องตามกฎหมาย อันเกี่ยวข้องกับสินค้าแต่ละประเภท ที่ผู้ขายทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปลงรายการขายผ่าน BeMall หรือเพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมอื่นๆ ในรูปแบบที่บริษัทกำหนด ผู้ขายจะอัพเดตเนื้อหาทันทีตามที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาจะมีความถูกต้องและสมบูรณ์อยู่เสมอ

                    3.2 ผู้ขายจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหา ข้อเสนอ และการขายสินค้าใดๆ ที่ตามมาในภายหลังนั้นเป็นไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับ (รวมถึงข้อกำหนดด้านอายุขั้นต่ำ เครื่องหมายและข้อบังคับการติดแสดงฉลาก การรับประกันผลิตภัณฑ์ ข้อมูลจำเพาะ ภาพวาด ตัวอย่าง และเกณฑ์การปฏิบัติ) และไม่มีภาพที่มีเนื้อหาล่อแหลมในทางเพศหรือเป็นประเด็นอ่อนไหวอันอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม (ยกเว้นในกรณีที่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจนจากบริษัท หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับ) และไม่เป็นเนื้อหาที่เป็นการหมิ่นประมาท หรือลามกอนาจาร

                    3.3 บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการระงับรายการสินค้าและการขายสินค้าบน BeMall โดยทันที หากส่วนใดก็ตามของเนื้อหามีความไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ หรือไม่เป็นไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับ ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

                    3.4 ผู้ขายจะต้องชดใช้และรับผิดชอบมูลค่า (รวมถึงค่าทนายความและค่าใช้จ่ายในศาลอันเป็นค่าเสียหายพื้นฐาน) ค่าใช้จ่าย ค่าปรับ ค่าสินไหมทดแทน ความสูญเสีย ความเสียหาย และหนี้สินใดๆ ทั้งหมด อันเกิดขึ้นจากการอ้างสิทธิ์ การเรียกร้อง หรือการกระทำอื่นใดที่เป็นผลมาจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์หรือผิดกฎหมาย หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของสินค้า หรือบริการที่ผู้ขายมอบให้ต่อบริษัท

                    3.5 ผู้ขายต้องรับผิดชอบและแสดงตนว่าผู้ขายได้รับการอนุญาต ใบอนุญาต หรือการอนุมัติทั้งหมดที่จำเป็นต่อการขายสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มแล้ว หรือจะได้รับสิ่งเหล่านั้นก่อนการลงรายการสินค้าบนแพลตฟอร์ม บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยุติและระงับสถานะของผู้ขายรายดังกล่าวตามดุลยพินิจของบริษัท หากผู้ขายฝ่าฝืนข้อตกลงนี้

                    3.6 ผู้ขายจะไม่มอบเนื้อหาหรือพยายามลงรายการบนแพลตฟอร์มเพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าใดๆ หรือมอบสัญลักษณ์โปรแกรมชี้แหล่งทรัพยากรสากล (สัญลักษณ์ยูอาร์แอล) เพื่อใช้งานบนแพลตฟอร์ม หรือร้องขอใช้งานสัญลักษณ์ยูอาร์แอลใดๆ บนแพลตฟอร์ม เว้นแต่ผู้ขายจะมีสิทธิ์ในการตีพิมพ์เนื้อหาและมีสิทธิ์และใบอนุญาตในการขายสินค้าภายใต้กฎหมายที่ใช้บังคับ

                    3.7 เนื้อหาที่มอบให้จะต้องอยู่ในภาษาที่บริษัทกำหนด และภายในขอบเขตที่กำหนดโดยกฎหมายที่ใช้บังคับเป็นภาษาไทย

                    3.8 ผู้ขายสามารถเพิ่มข้อความ ข้อจำกัดความรับผิด คำเตือน การแจ้งเตือน ฉลาก หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่กำหนดโดยกฎหมายที่ใช้บังคับ และ/หรือที่บริษัทแนะนำให้นำเสนอข้อมูลดังกล่าว อันมีความเกี่ยวข้องกับข้อเสนอ การส่งเสริมการขาย การโฆษณา หรือการขายสินค้า

                    3.9 ผู้ขายมอบสิทธิ์ให้แก่บริษัทในการอนุญาตแบบไม่จำกัดสิทธิ์ในการใช้งาน ไม่จำกัดแต่เพียงผู้เดียว ใช้ได้ทั่วโลก เป็นการถาวรและไม่อาจเพิกถอนได้ ในการใช้งาน ทำซ้ำ แสดง แจกจ่าย ดัดแปลงให้เหมาะสม เปลี่ยนแปลง ปรับรูปแบบใหม่ สร้างชิ้นงานที่พัฒนามาจากสินค้าดังกล่าว และใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงพาณิชย์และที่มิใช่เชิงพาณิชย์ในลักษณะใดๆ ในเนื้อหาใดๆ หรือทั้งหมดที่ผู้ขายมอบให้ และในการมอบสิทธิ์ช่วงของสิทธิ์ที่ได้กล่าวมาก่อนแล้วแก่บริษัทในเครือและผู้ดำเนินการของบริษัท ก็ต่อเมื่อบริษัทไม่เปลี่ยนแปลง เครื่องหมายการค้าใดๆ จากรูปแบบที่ผู้ขายมอบให้ (เว้นแต่การปรับขนาดเครื่องหมายการค้าในขอบเขตที่จำเป็นเพื่อการนำเสนอ ตราบเท่าที่สัดส่วนเทียบเคียงของเครื่องหมายการค้าดังกล่าวยังคงเดิม) และจะปฏิบัติตามคำร้องจากผู้ขายในการขอลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงของเครื่องหมายการค้าดังกล่าว และต่อเมื่อไม่มีสิ่งใดในข้อตกลงฉบับนี้ที่ห้ามไม่ให้บริษัทใช้งานเนื้อหาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ขายในขอบเขตที่การใช้งานดังกล่าวสามารถทำได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ขายหรือบริษัทในเครือของผู้ขาย ภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้

                    3.10 บริษัทอาจใช้กลไกต่างๆ ที่เป็นการประเมิน หรืออนุญาตให้ผู้ซื้อทำการประเมินหรือวิจารณ์สินค้าของผู้ขาย และ/หรือประสิทธิภาพของผู้ขายในฐานะผู้ขาย และบริษัทสามารถเปิดการประเมินและการวิจารณ์ดังกล่าวสู่สาธารณะ

                    3.11 แม้จะมีบทบัญญัติของข้อตกลงฉบับนี้ก็ตามแต่บริษัทมีสิทธิ์ตามดุลยพินิจของบริษัทในการกำหนดเนื้อหาโครงสร้าง รูปลักษณ์ การออกแบบ ความสามารถในการใช้งาน และลักษณะอื่นๆ ของ BeMall รวมถึงกิจกรรมทางด้านการค้า และกิจกรรมอื่นใด (หากมี) ประกอบด้วยสิทธิ์ในการออกแบบใหม่ เปลี่ยนแปลง ลบหรือแก้ไขเนื้อหา รูปลักษณ์ การออกแบบ หัวเรื่อง การเพิ่มราคาขาย สไตล์ชีท ต้นฉบับ แอปพลิเคชัน ลิงค์ภายในและภายนอก และส่วนประกอบ รูปลักษณ์ ส่วนหนึ่ง หรือลักษณะเฉพาะอื่นๆ ของสิ่งต่างๆ ดังกล่าว เป็นครั้งคราว


                4. กิจกรรมทางด้านการค้า

                    4.1 บริษัทอาจจัดกิจกรรมทางการค้าใดๆ ได้ในปัจจุบันหรืออนาคต โดยผู้ขายหรือร้านค้าต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในกิจกรรมทางการค้าดังกล่าว

                    4.2 บริษัทขอสงวนสิทธิ์ตามดุลยพินิจของบริษัทในการตัดสินใจทำกำหนดการและการแบ่งสรรที่เกี่ยวข้องสำหรับกิจกรรมทางการค้าที่เฉพาะเจาะจงแต่ละกิจกรรม เว้นแต่คู่สัญญาจะมีการตกลงเป็นอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร

                    4.3 ผู้ขายจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกง ไม่ได้รับอนุญาต ไม่เหมาะสม หรือผิดกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมหรือการใช้งานกิจกรรมทางการค้าของผู้ขาย ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมและโดยเจตนา โดยรับทราบอยู่แล้ว โดยประมาท และโดยจงใจ กิจกรรมดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง :

                        (ก) การสร้างปุ่มคลิก การแสดงข้อความ การสอบถาม หรือปฏิสัมพันธ์อื่นๆ ที่เป็นการฉ้อโกง ซ้ำซ้อน หรือเป็นโมฆะ ไม่ว่าจะทำผ่านการใช้แอปพลิเคชันอัตโนมัติหรืออื่นใด

                        (ข) รวบรวมข้อมูลของผู้ใช้ใดๆ การทำดัชนีหรือการเก็บแคชของส่วนใดๆ จากแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะกระทำผ่านการใช้แอปพลิเคชันอัตโนมัติหรืออื่นใด ยกเว้นกิจกรรมทางด้านการค้าที่บริษัทเป็นผู้เสนอ

                        (ค) การสื่อสารกับบุคคลเป้าหมายในลักษณะใดๆ ก็ตาม โดยจงใจพุ่งเป้าไปที่ผู้รับซึ่งเป็นผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม

                        (ง) การแทรกแซงการทำงานที่เหมาะสมของแพลตฟอร์ม กิจกรรมต่างๆ หรือระบบของบริษัท

                        (จ) การแพร่ไวรัส หรือโทรจัน หรือรหัสที่เป็นอันตรายอื่นใด หรือ

                        (ฉ) พยายามหลีกเลี่ยงกลไกใดๆ ที่บริษัทใช้เพื่อตรวจจับหรือป้องกันการกระทำดังกล่าว

                        (ช) การซื้อ การซื้อซ้ำ และ/หรือใช้วิธีใดๆ ในการได้มาซึ่งสินค้าของตนผ่านทางลูกจ้าง ผู้แทน ผู้รับเหมา หรือบริษัทในเครือ และ/หรือการสร้างผู้ซื้อปลอมที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือผิดกฎหมายขึ้นมาในหน้าสมัครสมาชิกหรือลงทะเบียน ไม่ว่าจะเพื่อหาประโยชน์ ให้ได้มาซึ่งสิทธิ์ หรือรับสิทธิ์พิเศษใดๆ จากบริษัท หรือผู้ซื้อที่สุจริตใจ

                        (ซ) การสร้างสถานการณ์ใดๆ ที่อาจทำให้เกิดผลกระทบในเชิงลบต่อชื่อเสียงของบริษัท

                    4.4 กิจกรรมทางด้านการค้าถือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมต่างๆ ที่บริษัทมอบให้แก่ผู้ขาย ซึ่งสอดคล้องกับข้อตกลงฉบับปัจจุบัน

                    4.5 ผู้ขายมีข้อผูกมัดที่เข้มงวดในการรายงานต่อบริษัทเมื่อได้รับทราบถึงการกระทำที่น่าสงสัยใดๆ ที่มิใช่การกระทำธุรกิจตามปกติของบริษัท และในการหลีกเลี่ยง ป้องกัน หรือปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้อง การเชื่อมโยง และ/หรือความสัมพันธ์ใดๆ กับกิจกรรมที่น่าสงสัย ไม่ว่ากิจกรรมนั้นจะผิดกฎหมาย เป็นการฉ้อโกง หรือเป็นการทำธุรกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้องอื่นใด ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนสิทธิ์ใดๆ ของบริษัท มิฉะนั้น จะถือว่าผู้ขายฝ่าฝืนเจตนารมณ์อันเป็นสาระสำคัญภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้โดยเจตนา โดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใดที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้


                5. การอัปเดตระดับสินค้าในสต็อกและการอัปเดตราคาขาย

                    5.1 ผู้ขายจะต้องมอบข้อมูลที่มีการอัพเดต สมบูรณ์และเพียงพอ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถานะสินค้า ระดับสินค้าในสต็อก และราคาขายของสินค้าแต่ละรายการที่ผู้ขายจัดเตรียมไว้เพื่อนำไปลงรายการเพื่อขายผ่านแพลตฟอร์ม เมื่อใดก็ตามในรูปแบบที่บริษัทกำหนด

                    5.2 ผู้ขายจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการมอบราคาขายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสินค้าแต่ละรายการเพื่อนำไปลงรายการเพื่อขายผ่านแพลตฟอร์ม โดยเปรียบเทียบราคาของสินค้าชนิดเดียวกันที่ลงรายการเพื่อขายผ่านทางแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์และ/หรือร้านค้าปลีก หรือช่องทางการตลาดอื่นๆ เมื่อใดก็ตามในรูปแบบที่บริษัทกำหนด โดยไม่คำนึงถึงบทบัญญัติอื่นใดในข้อตกลงฉบับนี้

                    5.3 ราคาที่ผู้ขายกำหนดบนแพลตฟอร์มของ BeMall นั้น จะต้องมีราคาไม่สูงไปกว่าราคาของสินค้าที่เหมือนกันซึ่งผู้ซื้อสามารถหาซื้อหรือหาบริการได้ หรือปริมาณน้อยกว่าภายใต้ข้อตกลงและเงื่อนไขเดียวกัน ถ้าหากว่าผู้ขายเสนอราคาสินค้าที่เหมือนกันให้แก่ผู้ซื้อ หรือปริมาณน้อยกว่าภายใต้ข้อตกลงหรือเงื่อนไขเดียวกัน ซึ่งต่ำกว่าราคาที่ขายบน BeMall แพลตฟอร์มในช่วงเวลาเดียวกัน ให้ถือว่าราคาที่ให้ต่ำกว่าราคาบน BeMall แพลตฟอร์มเป็นราคาบน BeMall แพลตฟอร์มด้วย


                6. การระงับการลงรายการสินค้าบนแพลตฟอร์ม

บริษัทจะมีสิทธิ์ในการเลื่อนเวลาหรือระงับการลงรายการ คัดออกจากรายการ หรือห้ามผู้ขายลงรายการสินค้าใดๆ หรือทั้งหมดที่ผู้ขายจัดเตรียมไว้เพื่อนำไปลงรายการเพื่อขายผ่านแพลตฟอร์ม หรือภายใต้กิจกรรมทางด้านการค้าที่บริษัทจัดให้(หากมี) ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่คำนึงถึงบทบัญญัติอื่นใดในข้อตกลงฉบับนี้


ส่วน ข. ข้อบังคับในการขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม


                7. การเข้าถึงเครื่องมือไอที

                    7.1 รหัสผ่านใดๆ ที่ผู้ขายได้สร้างขึ้น และ ได้รับการอนุมัติจากบริษัทแล้ว หรือผู้ขายได้เปลี่ยนหลังจากได้รับการอนุมัติแล้ว ผู้ขายสามารถใช้รหัสผ่านดังกล่าว เข้าใช้บัญชี ในการใช้งานแพลตฟอร์ม จัดการแคตตาล็อกสินค้าที่ลงรายการไว้บนแพลตฟอร์ม อัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า (เช่น สถานะสินค้า ระดับสินค้า และราคา) รับและดำเนินการคำสั่งซื้อสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ และตรวจสอบธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์

                    7.2 ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในการรักษาความปลอดภัยของรหัสผ่านของตน ผู้ขายจะต้องไม่เปิดเผยรหัสผ่านของตนให้แก่บุคคลที่สามใดๆ (ซึ่งนอกเหนือจากบุคคลที่สามที่ได้รับอนุญาตจาก บริษัทให้ใช้งานบัญชีตามข้อตกลงของผู้ขาย) และผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในการใช้งานหรือการกระทำใดๆ ของผู้ที่ใช้รหัสผ่านดังกล่าว หากรหัสผ่านของผู้ขายตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้ขายต้องเปลี่ยนรหัสผ่านทันที

                8. ข้อมูลผู้ซื้อและการบริการผู้ซื้อ

                    8.1 บริษัทจะเป็นเจ้าของข้อมูลบัญชีเกี่ยวกับผู้ซื้อ คำสั่งซื้อ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม ซึ่งประกอบด้วยการชำระเงิน ค่าธรรมเนียม กิจกรรม การจ่ายเงิน การคืนเงิน ค่าธรรมเนียมการผิดสัญญาและการปรับปรุงรายการ และบริษัทจะไม่รับผิดชอบในการชำระค่าสิทธิ์หรือค่าธรรมเนียมใดๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลบัญชีผู้ซื้อใดๆ ดังกล่าวให้แก่ผู้ขาย

                    8.2 ผู้ขายจะไม่ยืนยันคำสั่งซื้อ ธุรกรรม การส่งสินค้า หรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ เกี่ยวกับการดำเนินการคำสั่งซื้อให้แก่ผู้ซื้อ ผ่านทางวิธีการต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงจดหมาย อีเมล โทรศัพท์ โทรสาร หรือการสื่อสารวิธีอื่น

                    8.3 บริษัทจะรับผิดชอบในการจัดการกับผู้ซื้อที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งซื้อตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว ความรับผิดชอบของบริษัทและผู้ขายในด้านที่เกี่ยวข้องกับการบรรจุหีบห่อ การจัดการสินค้า การส่ง การส่งคืน การรับประกัน และคำสั่งซื้อ จะเป็นไปตามรูปแบบการดำเนินการที่ระบุในข้อที่ 12 และ 13 และได้รับความเห็นชอบจากคู่สัญญาภายใต้ข้อตกลงของผู้ซื้อ

                    8.4 บริษัทจะมีสิทธิ์ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียวในการกำหนดว่าผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนจากการปรับเปลี่ยน หรือการเปลี่ยนสินค้าหรือไม่ ผู้ขายจะชำระเงินคืนค่ากิจกรรมดังกล่าวเต็มจำนวนให้แก่บริษัท โดยถือเป็นค่าใช้จ่ายของผู้ขายเอง

                    8.5 ผู้ขายจะต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลของผู้ซื้อที่เปิดเผยโดยบริษัท หรือมีการรวบรวมหรือได้มาภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้เท่านั้น ผู้ขายจะไม่ขาย มอบหมาย อนุญาต ตีพิมพ์ ให้เช่า หรือหาประโยชน์อื่นใดในทางการค้าจากข้อมูลของผู้ซื้อ หรือใช้ประโยชน์จากข้อมูลของผู้ซื้อในลักษณะใดๆ เพื่อประโยชน์ของผู้ขายที่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ ผู้ขายจะไม่ทำการเก็บข้อมูล รวบรวมข้อมูล หรือตัดทอนข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์สถิติหรือการค้าหรืออื่นใดที่มาจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อมูลผู้ซื้อ ข้อมูลผู้ซื้อทั้งหมดจะต้องไม่มีการเปิดเผยต่อบุคคลที่สามใดๆ

โดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท ข้อมูลผู้ซื้อจะต้องมีการเปิดเผยภายในองค์กรของผู้ขายบนพื้นฐานของการรู้เท่าที่จำเป็น



                9. การยืนยันคำสั่งซื้อ

                    9.1 บริษัทสามารถระงับเพื่อทำการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และ/หรือปฏิเสธที่จะดำเนินการคำสั่งซื้อหรือธุรกรรมใดๆ ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว ในลักษณะดังกล่าวซึ่งเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์ม เพียงรายเดียว หรือ มากกว่ารายการเดียวก็ได้

                    9.2 ราคาที่ระบุในคำสั่งซื้อจะไม่เป็นไปตามการผันแปรใดๆ และจะต้องรวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ (เช่น ค่าบรรจุหีบห่อ การเก็บรักษา หรือค่าส่งสินค้า) เว้นแต่จะมีการตกลงเป็นอย่างอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งจะขึ้นอยู่กับรูปแบบในการดำเนินการคำสั่งซื้อสินค้า ตามที่ได้ตกลงกันระหว่างผู้ขายและบริษัท และรวมถึงค่าธรรมเนียมกิจกรรม และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ (หากมี) กิจกรรมต่างๆ และวิธีการชำระเงินคำสั่งซื้อ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธแบบฟอร์มคำสั่งซื้อหรือการชำระเงินค่าสินค้าใดๆ และในการไม่จ่ายเงินหรือยอมรับส่วนลด คูปอง บัตรของขวัญ หรือข้อเสนอหรือสิ่งจูงใจอื่นๆ ที่ผู้ขายจัดเตรียมไว้ เว้นแต่ผู้ขายจะจ่ายเงินเต็มจำนวนตามราคาที่ระบุในคำสั่งซื้อ แม้ว่าราคาที่ลงรายการไว้สำหรับสินค้าดังกล่าวจะระบุไว้ผิดพลาดก็ตาม

                    9.3 ผู้ขายจะต้องรับความเสี่ยงในการฉ้อโกงหรือความสูญเสียทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่คำนึงถึงว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากผู้ขายหรือผู้ซื้อ ผู้ขายจะแจ้งให้บริษัททราบถึงความเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อลักษณะหรือคุณสมบัติต่างๆ ของสินค้า หรือรูปแบบการฉ้อโกงหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสมอันเกี่ยวข้องกับสินค้าใดๆ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ฉ้อโกงหรือความไม่เหมาะสมที่รุนแรงยิ่งขึ้นต่อธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้า


                10. การดำเนินการคำสั่งซื้อ

                    10.1 ผู้ขายและบริษัทเห็นพ้องต้องกันในข้อตกลงและเงื่อนไขดังที่ได้ระบุในรูปแบบการดำเนินการคำสั่งซื้อ ดังนี้

                          (ก) การดรอปชิป

                          (ข) การดำเนินการโดยบุคคลที่สาม

                    10.2 ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบในการให้การรับประกันสินค้าทุกชิ้นตามที่กำหนดโดยกฎหมายที่ใช้บังคับและ/หรือการแนะนำของบริษัท

                    10.3 ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการคำสั่งซื้อสำหรับสินค้าทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับปริมาณ ซึ่งขายผ่านทางแพลตฟอร์มและ/หรือตามที่แจ้งโดยบริษัท คำสั่งซื้อทั้งหมดถือเป็นที่สิ้นสุดและไม่สามารถยกเลิกหรือเพิกถอนโดยผู้ขายได้ เว้นแต่จะมีระบุไว้เป็นอย่างอื่นในข้อตกลงฉบับนี้

                    10.4 ผู้ขายสัญญาว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับทั้งหมดอย่างเต็มที่ ซึ่งประกอบด้วยเกณฑ์การปกป้องผู้บริโภค สิทธิคุ้มครองผู้บริโภค และอื่นๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการขายสินค้าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์

                    10.5 ผู้ขายสัญญาว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับทั้งหมดอย่างเต็มที่ ซึ่งประกอบด้วยเกณฑ์การปกป้องผู้บริโภค สิทธิคุ้มครองผู้บริโภค และอื่นๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการขายสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มภายใต้ข้อตกลงของผู้ซื้อ

                    10.6 บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง จำกัด หรือยกเลิกการใช้งานผู้ขนส่งสินค้าตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

                    10.7 บริษัทสามารถอนุญาตให้ผู้ขายส่งสินค้าโดยผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย (ที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง) โดยใช้อัตราค่าขนส่งที่มีการลดราคาซึ่งแนะนำโดยบริษัท อัตราค่าขนส่งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงจากผู้ขนส่งได้ในบางครั้งบางคราว ผู้ขายจะไม่ใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีผู้ขนส่งสินค้า หมายเลข และอัตราค่าขนส่งเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากข้อผูกมัดภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ และไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่บุคคลที่สามใดๆ ทั้งสิ้น ผู้ขายจะเก็บข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับ สิทธิ์การเป็นเจ้าของและความเสี่ยงในการสูญหายของสินค้าใดๆ ที่ส่งโดยใช้อัตราค่าขนส่งที่มีการลดราคาซึ่งบริษัทจัดหาให้ภายใต้ข้อนี้จะยังคงเป็นของผู้ขาย อัตราค่าขนส่งที่บริษัทจัดหาให้จะไม่ก่อให้เกิดการรับผิดทางกฎหมายหรือความรับผิดชอบใดๆ แก่บริษัทในกรณีที่เกิดความล่าช้า ความเสียหาย ความสูญเสีย หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง ผู้ขายจะต้องมอบอำนาจให้แก่ผู้ขนส่งสินค้าที่เกี่ยวข้องในการมอบข้อมูลการติดตามการส่งสินค้าให้แก่บริษัท

                    10.8 ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการขนส่งสินค้า และค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าผิดพลาด หมายถึงข้อตกลงของผู้ซื้อใดๆ ที่ไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จเนื่องจาก

                    (ก) ที่อยู่ในการส่งที่ระบุในคำสั่งซื้อไม่ถูกต้อง

                    (ข) ไม่สามารถติดต่อผู้ซื้อได้แม้จะได้พยายามติดต่อหลายครั้งแล้ว ซึ่งผู้ขนส่งสินค้าจะเป็นผู้กำหนดจำนวนครั้งในความพยายามจัดส่งสินค้าโดยพิจารณาเป็นกรณีไป หรือ

                    (ค) ผู้ซื้อปฏิเสธและยกเลิกคำสั่งซื้อในขณะที่สินค้าถูกส่งไปยังที่อยู่ที่ระบุในคำสั่งซื้อแล้ว หรือการคืนสินค้า ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในด้านขนส่งและการประกันภัยการขนส่งสินค้า ค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ได้ประเมินหรือเกิดขึ้นโดยบริษัท อันเกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า จะถูกหักออกจากยอดเงินที่ต้องจ่ายให้แก่ผู้ขาย หรือด้วยวิธีอื่นตามที่บริษัทเลือก และผู้ขายจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในการชำระค่าภาษีศุลกากร ภาษีอากร และภาษีอื่นๆ รวมถึงค่าธรรมเนียมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและการนำสินค้าผ่านด่านศุลกากร

                    10.9 บริษัท ขอสงวนสิทธิ์ในการจำกัดจุดหมายในการส่งสินค้าของผู้ขายซึ่งขายผ่านทางแพลตฟอร์มตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

                    10.10 หากผู้ขายส่งสินค้าจากอีกประเทศหนึ่ง ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบในการดำเนินขั้นตอนการนำเข้าสินค้าให้เสร็จสิ้น โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง (รวมถึงการระบุตนเองเป็นผู้นำเข้า/ผู้รับของ และการแต่งตั้งนายหน้าศุลกากร) หากบริษัทมีรายชื่ออยู่ในเอกสารการนำเข้าใดๆ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการรับสินค้าและ/หรือยกเลิกคำสั่งซื้อที่ครอบคลุมในเอกสารการนำเข้าดังกล่าว และค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ประเมินได้หรือเกิดขึ้นเพราะบริษัทจะถูกหักออกจากยอดเงินที่ต้องจ่ายให้แก่ผู้ขาย หรือด้วยวิธีอื่นตามที่บริษัทเลือก

                    10.11 ผู้ขายจะต้องห่อและบรรจุหีบห่อดั้งเดิมของสินค้านั้นในขณะเตรียมสินค้าเพื่อการขนส่ง หีบห่อบรรจุนั้นจะต้องช่วยรับประกันความสมบูรณ์ของสินค้าและหีบห่อเดิมที่เกี่ยวข้อง


                11. ข้อบังคับในการดำเนินการคำสั่งซื้อเมื่อใช้บริการดำเนินการโดยบุคคลที่สาม

                    11.1 ข้อตกลงในข้อที่ 11 บังคับใช้กับคำสั่งซื้อที่ดำเนินการในรูปแบบของบุคคลที่สาม

                    11.2 บริษัทจะมอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งซื้อสินค้าแต่ละคำสั่งที่กระทำผ่านแพลตฟอร์มให้แก่ผู้ขาย

                    11.3 บริษัทสามารถหยุดคำสั่งซื้อใดๆ ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว นอกจากนั้น ผู้ขายจะหยุดและ/หรือยกเลิกคำสั่งซื้อใดๆ ตามคำชี้แนะของบริษัท หากผู้ซื้อถูกเรียกเก็บเงินเนื่องจากคำสั่งซื้อดังกล่าวแล้วบริษัทจะทำการคืนเงิน (และการปรับปรุงรายการใดๆ) และมอบเครดิตให้แก่บัญชีผู้ซื้อรายดังกล่าว โดยผู้ขายจะต้องชดใช้ยอดเงินที่ได้มอบเครดิตให้แก่บริษัทเต็มจำนวน

                    11.4 ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบต่อและแบกรับความเสี่ยงและความรับผิดชอบตามกฎหมายทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวในการจัดหาแหล่งสินค้า การจัดส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่บริษัทจัดไว้ รวมถึงให้การรับประกันสินค้าด้วยเหตุนี้ผู้ขายจึงมีหน้าที่รับผิดชอบต่อความไม่สอดคล้องหรือข้อบกพร่องใดๆ ความเสียหาย หรือการโจรกรรม หรือการเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับจัดหาแหล่งสินค้าและการจัดส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่บริษัทจัดไว้ ยกเว้นในขอบเขตที่เกิดขึ้นจาก:

                    (ก) การฉ้อโกงบัตรเครดิตที่บริษัทต้องรับผิดชอบ หรือ

                    (ข) การที่บริษัทไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งซื้อแก่ผู้ขายได้

                    11.5 หากมีข้อตกลงตามกฎหมาย ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบในการจัดหาการประกันภัยที่เหมาะสมซึ่งครอบคลุมเหตุการณ์ที่กล่าวถึงข้างต้น รวมถึงข้อผูกมัดอื่นๆ ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้

                    11.6 ในการขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่บริษัทจัดไว้ ผู้ขายจะต้องเตรียมสินค้า ณ สถานที่ของตนให้พร้อมต่อการมารับสินค้าของบริษัท ตามข้อตกลงในการส่งมอบสินค้า Incoterm DDP เว้นแต่จะมีเงื่อนไขการจัดส่งสินค้าที่แตกต่างออกไปในข้อตกลงของผู้ขาย

                    11.7 สินค้าจะต้องได้รับการจัดส่งไปยังสถานที่ที่บริษัทจัดไว้โดยมีการบรรจุหีบห่อตามที่ตกลง และในหีบห่อบรรจุที่รับรองความสมบูรณ์ของสินค้าที่ส่งไม่ว่าในกรณีใดๆ หากสินค้าจำเป็นต้องขนส่งด้วยพาเลต สินค้าจะต้องมีขนาด 80x120 ซม. (แปดสิบคูณหนึ่งร้อยยี่สิบเซนติเมตร) หรือ 100x120 ซม. (หนึ่งร้อยคูณหนึ่งร้อยยี่สิบเซนติเมตร) และมีน้ำหนักรวมสูงสุด 450 กก. (สี่ร้อยห้าสิบกิโลกรัม) เว้นแต่จะมีข้อตกลงอื่นที่แตกต่างออกไปในข้อตกลงของผู้ขาย ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายต่อความเสียหายของสินค้าอันเนื่องมาจากการบรรจุหีบห่อที่ผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม

                    11.8 ในกรณีที่สินค้ามีการบรรจุหีบห่อหรือติดฉลากผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม บริษัทสามารถดำเนินการส่งคืนสินค้าให้แก่ผู้ขายโดยผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย หรือจัดการบรรจุหีบห่อหรือติดฉลากใหม่โดยผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

                    11.9 ในกรณีที่ผู้ขายไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานการบรรจุหีบห่อหรือติดฉลากที่บริษัทเป็นผู้กำหนดได้ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการส่งสินค้าหรือสินค้าที่ไม่เหมาะสมใดๆ โดยต้องแจ้งเตือนผู้ขายให้ทราบถึงการปฏิเสธดังกล่าวอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 10 (สิบ) วันนับจากที่ได้รับสินค้าดังกล่าว บริษัทสามารถจัดการส่งสินค้ากลับโดยผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายหรือกำจัดสินค้าที่ไม่เหมาะสมใดๆ ในกรณีดังต่อไปนี้:

                    (ก) หากบริษัทตัดสินใจว่าสินค้าดังกล่าวก่อให้เกิดความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัย หรือสุขภาพ ผู้ขายต้องรับผิดชอบตามกฎหมายให้แก่บริษัท บุคลากรของบริษัท ต่อผู้ซื้อ หรือบุคคลที่สามใดๆ บริษัทจะดำเนินการจัดการโดยทันที

                    (ข) หากสินค้าดังกล่าวไม่สอดคล้อง (ในด้านจำนวน คุณภาพ หรือคุณสมบัติที่กำหนด) กับคำสั่งซื้อ

                    (ค) หากผู้ขายไม่สามารถแจ้งให้บริษัท ส่งคืนหรือกำจัดสินค้าที่ไม่เหมาะสมใดๆ ภายใน 30 (สามสิบ) วันนับจากวันที่บริษัทแจ้งเตือนการปฏิเสธตามข้อที่ 10.9

                    (ง) การที่ผู้ขายไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลงในการบรรจุหีบห่อดังที่บริษัทกำหนด ถือว่าผู้ขายสละสิทธิ์ทั้งหมดในการยื่นคำร้องและเรียกร้องต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง อย่างไรก็ตาม หากผู้ขนส่งสินค้าซึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ปฏิเสธที่จะยอมรับคำสั่งซื้อและหากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ขายอย่างเต็มจำนวน

                    11.10 ในกรณีที่มีการจัดส่งสินค้าเกิดขึ้นก่อนวันที่ระบุในคำสั่งซื้อ บริษัทจะได้รับสิทธิ์ในการรับสินค้าหรือจัดการคืนสินค้าให้แก่ผู้ขายโดยผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

                    11.11 สินค้าจะต้องติดใบส่งสินค้าซึ่งระบุข้อมูลดังต่อไปนี้: ชื่อของผู้ขาย วันที่ซื้อขาย วันที่ส่งสินค้า หมายเลขคำสั่งซื้อ จำนวน รายละเอียดสินค้า (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง รายการรหัสสำหรับสินค้าขาเข้า รายการรหัสบาร์โค้ดสำหรับสินค้าขาเข้า สถานะการรับประกันต่อสินค้าแต่ละชิ้น) น้ำหนักรวมและน้ำหนักสุทธิ สถานที่ส่งสินค้า และชื่อผู้รับสินค้า (ชื่อผู้ซื้อ) สาเหตุในการขนส่ง และข้อมูลที่ได้รับการกำหนดอย่างชัดแจ้งตามกฎหมายที่ใช้บังคับ (เช่น สิทธิของผู้ซื้อในการเลิกสัญญา)

                    (ก) ระบุหรืออนุมานได้ว่าสินค้าใดๆ ถูกส่งโดยปราศจากการสูญหายหรือความเสียหาย หรือ

                    (ข) ระบุหรืออนุมานว่าบริษัทได้รับสินค้าตามจำนวนหน่วยที่ผู้ขายระบุไว้สำหรับการส่งสินค้าในครั้งดังกล่าวจริง หรือ

                    (ค) สละสิทธิ์ จำกัด หรือลดทอนสิทธิ์ใดๆ ของบริษัทภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้

                    11.12 บริษัทสงวนสิทธิ์ในการกำหนดและเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดในการกำหนดเวลาและจำนวนในการขนส่งและการเก็บรักษาของสินค้าคงคลังของบริษัท ในสถานที่ที่บริษัทจัดไว้เป็นครั้งคราว และผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามข้อจำกัดและการจำกัดดังกล่าว

                    11.13 บริษัทประกันภัยที่บริษัทประสานงานให้เป็นผู้รับประกันภัย จะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากคนร้ายหรือการฟ้องร้องที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งสินค้าจากสถานที่ที่บริษัทจัดไว้ไปยังที่อยู่ที่ระบุในคำสั่งซื้อ ยกเว้นในกรณีที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมเนื่องจากการกระทำหรือการผิดนัดของผู้ขายและ/หรือพนักงาน ตัวแทน หรือผู้ทำสัญญาของผู้ขาย

                    11.14 บริษัทจะดำเนินการจัดทำเอกสารการซื้อขาย และผู้ขายจะต้องจะต้องรวมเอกสารนี้ไว้ในหีบห่อด้วย เมื่อสิ้นสุดแต่ละเดือน ผู้ขายจะต้องส่งสำเนาเอกสารการซื้อขายซึ่งมีลายมือชื่อผู้รับสินค้าส่งมอบให้แก่บริษัทตามช่องทางซึ่งจะได้ตกลงกันต่อไป

                    11.15 ในกรณีที่มีการส่งสินค้าผิดพลาด การสูญหาย หรือความเสียหายเกิดขึ้นแก่สินค้าที่ถูกส่งไปแล้ว การระบุสาเหตุของการส่งสินค้าผิดพลาด การสูญหาย หรือความเสียหายนั้นถือเป็นดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียวไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมเนื่องจากการกระทำหรือการผิดนัดของผู้ขาย และ/หรือพนักงาน ตัวแทน หรือผู้ทำสัญญาของผู้ขาย บริษัทจะ:

                    (ก) แจ้งให้ผู้ขายส่งสินค้าทดแทนไปให้แก่ผู้ซื้อและจ่ายค่าชดเชยมูลค่าสินค้าใหม่ให้แก่ผู้ขาย หรือ

                    (ข) ดำเนินการคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อ

                    11.16 สินค้าที่สามารถขายได้ใดๆ ที่ได้รับการส่งคืนอย่างเหมาะสม จะถูกนำกลับไปไว้ในรายการคลังสินค้าของผู้ขายบริษัทสามารถดำเนินการคำสั่งซื้อสินค้าได้โดยใช้สินค้าใดๆ ที่ถูกส่งคืนมา ผู้ขายจะมีสิทธิ์ครอบครองสินค้าทุกชิ้นที่ผู้ซื้อส่งคืนมา บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจสอบและตัดสินใจตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียวว่าสินค้าดังกล่าวเหมาะสมแก่การขายหรือไม่

                    11.17 หากบีบริษัททำการเปลี่ยนสินค้าหรือคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อ ผู้ซื้อจะต้องคืนสินค้าเดิมไปยังสถานที่ที่บริษัทจัดไว้ บริษัทจะได้รับสิทธิ์ในการกำจัดสินค้า หรือหากสินค้านั้นสามารถขายได้ บริษัทสามารถนำสินค้าดังกล่าวกลับไปไว้ในรายการคลังสินค้าของผู้ขาย แล้วแต่บริษัทจะเลือก หากสินค้าดังกล่าวถูกนำกลับไปไว้อยู่ในรายการคลังสินค้า ผู้ขายจะชำระเงินค่าชดเชยมูลค่าสินค้าใหม่ที่ถูกส่งคืนมาให้แก่บริษัท การเปลี่ยนสินค้าใดๆ ที่ถูกส่งไปในนามของบริษัทภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ จะมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกับคำสั่งซื้อหรือการขายสินค้าดังกล่าวจากผู้ขายให้แก่ผู้ซื้อผ่านทางแพลตฟอร์มภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้

                    11.18 ผู้ขายสามารถยื่นคำร้องให้ส่งคืนสินค้าให้แก่ผู้ขายเมื่อใดก็ได้ บริษัทสามารถส่งคืนสินค้าให้แก่ผู้ขายด้วยเหตุผลใดก็ตาม รวมถึงเมื่อมีการยุติข้อตกลงของผู้ขาย ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการรับสินค้าที่ถูกส่งคืน ณ สถานที่ที่บริษัทจัดไว้ภายใน 15 (สิบห้า) วันทำการ หลังจากที่ได้ทำการแจ้งเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรแก่บริษัทสินค้าที่ถูกส่งคืนจะถูกส่งไปยังที่อยู่การจัดส่งของผู้ขายที่ได้ระบุไว้ซึ่งอยู่ในประเทศเดียวกับสถานที่ที่ส่งสินค้านั้นในนามของบริษัท หากบริษัทมีที่อยู่ของผู้ขายที่ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ถูกต้อง หรืออยู่ในต่างประเทศ หรือหากบริษัทไม่สามารถจัดการให้ผู้ขายชำระค่าส่งคืนได้ สินค้าดังกล่าวจะถือว่าถูกละทิ้งและบริษัทสามารถเลือกกำจัดสินค้าตามที่ระบุไว้ ณ ที่นี้ในลักษณะที่บริษัทเห็นสมควร

                    11.19 ผู้ขายสามารถร้องขอให้บริษัททำการกำจัดสินค้าเมื่อใดก็ได้ บริษัทสามารถกำจัดสินค้าในลักษณะใดก็ตามที่เห็นว่าเหมาะสม สิทธิ์ครอบครองสินค้าที่ถูกกำจัดจะถูกโอนให้เป็นของบริษัท โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แก่บริษัทและบริษัทจะเก็บรายได้ที่ได้รับจากการกำจัดสินค้าใดๆ ทั้งหมดต่อไป (หากมี)

                    11.20 ผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำที่บริษัทให้ไว้ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการระงับการปฏิบัติงานที่อาจเกิดขึ้นใดๆ ในสถานที่ที่บริษัทจัดไว้


                12. ข้อผิดพลาด ข้อบกพร่อง และการไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของสินค้า

                    12.1 ผู้ขายรับประกันว่าสินค้าที่ถูกส่งไปนั้น (ถูกส่งไปให้ผู้ซื้อหรือไปยังสถานที่ที่บริษัทจัดไว้) จะเป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุบนแพลตฟอร์มและกฎหมายที่ใช้บังคับ (ว่าสินค้าเป็นไปตามการรับประกันผลิตภัณฑ์ ข้อกำหนด ภาพวาด ตัวอย่าง เกณฑ์ประสิทธิภาพใดๆ และทั้งหมด รวมถึงข้อกำหนดด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และสุขอนามัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด) และปราศจากข้อผิดพลาดและข้อบกพร่อง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการกระทำการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพเมื่อใดก็ได้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือผ่านบุคคลที่สามที่บริษัทเลือก และจะต้องแจ้งถึงข้อผิดพลาด ข้อบกพร่อง หรือการไม่เป็นไปตามข้อกำหนดใดๆ ให้ผู้ขายทราบโดยแจ้งเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 30 (สามสิบ) วันนับจากวันที่พบข้อผิดพลาด ข้อบกพร่อง หรือการไม่เป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าว

                    12.2 ในกรณีที่มีข้อผิดพลาด ข้อบกพร่อง หรือการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับและ/หรือข้อกำหนดต่างๆ ที่ระบุบนแพลตฟอร์มซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าที่ถูกจัดส่งไปให้แก่ผู้ซื้อหรือไปยังสถานที่ที่ บริษัทจัดไว้ บริษัทจะร้องขอให้ผู้ขายนำสินค้าออก และต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนำสินค้าออกนั้นจะถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ขาย หรือบริษัทอาจร้องขอให้ผู้ขายรวบรวมสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากข้อบกพร่อง ข้อผิดพลาด หรือการไม่เป็นไปตามข้อกำหนด และให้ดำเนินการสับเปลี่ยนสินค้า ต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมและเปลี่ยนสินค้าดังกล่าวจะถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ขาย

                    12.3 ในกรณีใดๆ ก็ตาม บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการร้องขอค่าชดเชยความเสียหายใดๆ ที่ต้องประสบเนื่องด้วยผลกระทบจากข้อผิดพลาด ข้อบกพร่อง หรือการไม่เป็นไปตามข้อกำหนด

                    12.4 ผู้ขายจะต้องชดใช้ค่าเสียหายและปกป้องบริษัท จากการชดใช้ค่าเสียหายเกี่ยวกับต้นทุน การสูญหาย ค่าใช้จ่าย หรือความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น อันเกิดขึ้นจากการร้องเรียนของบุคคลที่สาม การดำเนินการทางกฎหมาย และการดำเนินคดีใดๆ ต่อบริษัท และที่เกิดจากหรือเกี่ยวข้องกับการขายและการใช้สินค้าที่มีข้อบกพร่องและ/หรือไม่เป็นไปตามข้อกำหนด


                13. สินค้าส่งคืนและการจัดส่งที่ผิดพลาด

                    13.1 ผู้ขายจะต้องยอมรับการจัดส่งที่ผิดพลาด

                    13.2 ผู้ขายจะต้องยอมรับการส่งคืนสินค้าโดยมีข้อผูกมัดตามนโยบายการส่งคืนสินค้าของบริษัท ซึ่งระบุไว้ในเว็บไซต์ของบริษัท

                    13.3 หากผู้ซื้อถูกเรียกเก็บเงินเนื่องจากคำสั่งซื้อดังกล่าวแล้ว บริษัทจะทำการคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อ โดยบริษัทจะกำหนดเส้นทางการคืนเงินทั้งหมด (และการปรับปรุงรายการใดๆ) และมอบเครดิตให้แก่บัญชีผู้ซื้อรายดังกล่าว โดยผู้ขายจะต้องชดใช้ยอดเงินที่ได้มอบเครดิตให้แก่บริษัททั้งหมด บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนหรือหยุดกลไกการดำเนินการคืนหรือการปรับปรุงรายการใดๆ เมื่อใดก็ได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

                    13.4 บริษัทไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ที่กำหนดให้ต้องยอมรับการคืนสินค้าใดๆ ณ สถานที่ที่บริษัทจัดไว้ ยกเว้นคำสั่งซื้อใดๆ ที่มีการดำเนินการโดยบริษัท โดยใช้รูปแบบการดำเนินการที่ระบุไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถยื่นคำร้องขอให้ส่งคืนสินค้าไปยังสถานที่ที่บริษัทจัดไว้เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพเพิ่มเติมตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว หากบริษัททำการตัดสินใจโดยตรงหรือผ่านทางบุคคลที่สามที่บริษัทเลือก ในระหว่างการตรวจสอบคุณภาพว่าสินค้าที่ถูกส่งคืนนั้นมีข้อผิดพลาดหรือเสียหาย สินค้านั้นจะต้องไม่ถูกเสนอให้แก่ผู้ซื้อรายอื่น หากข้อผิดพลาดหรือความเสียหายนี้เกิดขึ้นโดยผู้ซื้อ ผู้ขายจะไม่ต้องรับผิดชอบในการยอมรับสินค้าที่ถูกส่งคืน เว้นแต่จะมีระบุไว้เป็นอื่นในกฎหมายที่ใช้บังคับ

                    13.5 บริษัทจะจัดการส่งสินค้าที่ถูกส่งคืนไปยังที่อยู่ที่ผู้ขายระบุ ตามบัญชีของผู้ขายเสมอ โดยที่อยู่นั้นจะต้องอยู่ในประเทศที่สินค้าดังกล่าวลงรายการเพื่อจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม ผู้ขายต้องมอบเอกสารที่กำหนดให้แก่บริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ฉลากการส่งสินค้า/รายการส่งสินค้าที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายลงนามแล้ว (ผู้ขายและบุคคลที่สามผู้ให้บริการโลจิสติกส์) และการปรับปรุงแก้ไขสำหรับการรับสินค้าที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ ซึ่งลงนามโดยคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย (ผู้ขายและบุคคลที่สามผู้ให้บริการโลจิสติกส์) บริษัทจะใช้ความพยายามที่เหมาะสมในการจัดการส่งสินค้าที่ถูกส่งคืนไปยังที่อยู่ที่ผู้ขายระบุภายใน 30 (สามสิบ) วันหลังจากที่ได้รับแจ้งเตือนจากผู้ซื้อเกี่ยวกับสินค้าที่ถูกส่งคืน ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการไม่เป็นไปตามข้อกำหนดหรือข้อบกพร่องใดๆ หรือการเรียกคืนโดยส่วนรวมหรือโดยส่วนตัวของสินค้าใดๆ ผู้ขายจะต้องแจ้งให้บริษัททราบถึงการไม่เป็นไปตามข้อกำหนด ข้อบกพร่อง หรือการเรียกคืน โดยส่วนรวมหรือโดยส่วนตัว หรืออันตรายใดๆ ดังกล่าวโดยทันที และประสานงานและให้ความช่วยเหลือแก่บริษัท ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเรียกคืนสินค้าใดๆ รวมถึงทำการเริ่มกระบวนการส่งคืนสินค้าให้แก่ผู้ขายภายใต้ขั้นตอนมาตรฐานของบริษัท ภายใน 15 วัน ผู้ขายจะรับผิดชอบต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นแก่ผู้ขาย บริษัท หรือบริษัทใดๆ ในเครือของบริษัท ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเรียกคืนสินค้าหรือการเรียกคืนสินค้าที่เป็นอันตรายใดๆ (รวมถึงค่าใช้จ่ายในการส่งคืน เก็บรักษา ซ่อมแซม ชำระหนี้ หรือส่งผลิตภัณฑ์ใดๆ เหล่านี้ไปยังผู้ขายหรือผู้จัดหาสินค้าใดๆ)

                    13.6 บริษัทจะเก็บรวบรวม ไกล่เกลี่ย และลงบัญชีค่าธรรมเนียมการขายที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งซื้อสินค้าที่ถูกส่งคืนหรือจัดส่งผิดพลาดใดๆ กับผู้ขาย เว้นแต่จะมีการตกลงกันเป็นอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร

                    13.7 ผู้ขายเห็นพ้องและยึดมั่นที่จะปฏิบัติตามโครงสร้างสำหรับการคำนวณดังที่ได้กำหนดในภาคผนวกต่างๆ


                14. ค่าธรรมเนียมการดำเนินการ

                    14.1 สำหรับการดำเนินการที่บริษัท กระทำให้แก่ผู้ขาย เช่น การดำเนินการลงรายการสินค้าบนแพลตฟอร์ม การผลิตเนื้อหา การค้า หรือการดำเนินการคำสั่งซื้อ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่ใช้บังคับ ตามราคาที่ระบุในข้อกำหนดพิเศษ ซึ่งจะไม่เป็นไปตามการแปรผันใดๆ เว้นแต่จะมีการตกลงกันเป็นอื่นอย่างเป็น ลายลักษณ์อักษร เพื่อมิให้เกิดความสงสัย ค่าธรรมเนียมการดำเนินการนี้จะประกอบด้วย 1) ค่าคอมมิชชั่น 2) ค่าธรรมเนียมการชำระเงิน 3) ค่าธรรมเนียมการขนส่ง/โลจิสติกส์ และ 4) ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำตามรายละเอียดที่ระบุในภาคผนวก ข.

                    14.2 ใบกำกับสินค้าจะต้องมีข้อมูล หมายเลขและวันที่ของคำสั่งซื้อ การดำเนินการที่กระทำให้ และค่าธรรมเนียมการดำเนินการโดยละเอียด

                    14.3 การชำระเงินตามใบกำกับจะต้องกระทำโดยการหักเงินจากยอดที่บริษัทได้รับจากผู้ซื้อ ในการทำธุรกรรม เว้นแต่จะมีการตกลงเป็นอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร


                15. การชำระเงิน

                    15.1 บริษัทจะเรียกเก็บเงินทั้งหมดจากผู้ซื้อ (รวมถึงการชำระเงินสดปลายทางทั้งหมด) ในฐานะที่เป็นตัวแทนการดำเนินการชำระเงินสำหรับผู้ขายและจะส่งเงินดังกล่าวให้แก่ผู้ขายตามข้อกำหนดฉบับนี้ และเนื่องจากบริษัทเป็นตัวแทนการดำเนินการชำระเงิน บริษัทจะไม่รับผิดชอบในเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับความถูกต้องตามกฎหมายของธุรกรรมการชำระเงินระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายซึ่งเกี่ยวข้องกับคำสั่งซื้อที่ทำผ่านแพลตฟอร์ม ผู้ขายรับรองว่าธุรกรรมการชำระเงินทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับ (รวมถึงระเบียบการต่อต้านการฟอกเงิน) หากมีการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทอย่างชัดเจน ผู้ให้บริการโลจิสติกส์หรือผู้ขนส่งสินค้าสามารถเรียกเก็บเงินจากผู้ซื้อ (รวมถึงการชำระเงินสดปลายทาง)

                    15.2 การชำระเงินจะเกิดขึ้นทุกๆ สองสัปดาห์ ภายใน 10 (สิบ) วันทำการถัดไป เว้นแต่จะมีการตกลงเป็นอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร โดยค่าใช้จ่ายโลจิสติกส์ต้องถูกส่งต่อให้แก่ผู้ขายทุกๆ สองสัปดาห์ หรือทุกเดือนตามแต่สัญญาที่ทำขึ้นระหว่างบริษัท และบุคคลที่สามผู้ให้บริการโลจิกติกส์

                    15.3 หากบริษัทสรุปว่าการกระทำและ/หรือการปฏิบัติของผู้ขายที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงของผู้ขาย ข้อตกลงของผู้ซื้อและข้อกำหนดฉบับนี้ อาจส่งผลให้เกิด-ข้อพิพาทกับผู้ซื้อ การฉ้อโกง ความน่าสงสัย การคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อ หรือการร้องเรียนอื่นๆ บริษัทสามารถระงับการชำระเงินหรือหยุดบัญชีใดๆ ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว เป็นเวลาไม่เกิน:

                    (ก) ระยะเวลา 90 (เก้าสิบ) วันนับจากวันเริ่มต้นดำเนินการระงับ

                    (ข) เมื่อเสร็จสิ้นการสืบสวนใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของผู้ขายและ/หรือการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงของผู้ขาย ข้อตกลงของผู้ซื้อ และข้อกำหนดฉบับปัจจุบัน

                    15.4 ในกรณีที่ผู้ขายละเมิดสัญญา บริษัทมีสิทธิ์ในการเลื่อนเวลาหรือระงับการชำระเงินได้โดยไม่มีข้อจำกัด การชำระเงินใดๆ ที่กระทำโดยบริษัทจะไม่ถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ดังกล่าวของบริษัทไม่ว่าจะในรูปแบบใด ภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้หรือบทบัญญัติที่ระบุในคำสั่งซื้อ

                    15.5 บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการกำหนดมูลค่าคำสั่งซื้อและ/หรือขีดจำกัดทางธุรกรรม (ทั้งขีดจำกัดขั้นต่ำสุดหรือขั้นสูงสุด) แก่ผู้ซื้อหรือผู้ขายบางรายหรือทุกราย ที่เกี่ยวข้องกับมูลค่าของธุรกรรมใดๆ มูลค่าสะสมของธุรกรรมทุกรายการระหว่างช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือต่อช่วงระยะเวลาอื่นๆ บริษัทจะไม่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมายแก่ผู้ขาย:

                    (ก) หากบริษัทไม่ดำเนินการจัดการคำสั่งซื้อหรือธุรกรรมที่อาจเกินกว่าขีดจำกัดที่บริษัทกำหนด หรือ

                    (ข) หากบริษัทอนุญาตให้ผู้ซื้อถอนเงินจากธุรกรรมเนื่องจากแพลตฟอร์มหรือสินค้าไม่สามารถใช้การได้ในช่วงเวลาที่มีการเริ่มต้นทำธุรกรรม ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบภาษี ภาษีอากร ค่าธรรมเนียม และค่าเรียกเก็บอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดซึ่งเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับการชำระเงินดังกล่าว ผู้ขายสัญญาต่อบริษัทว่าจะจ่ายภาษี ภาษีอากร ค่าธรรมเนียม และค่าเรียกเก็บอื่นๆ ดังกล่าวทั้งหมดอย่างตรงต่อเวลา ในขอบเขตที่กำหนดโดยกฎหมายที่ใช้บังคับ บริษัทจะได้รับสิทธิ์ในการระงับภาษีใดๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน ในกรณีที่ บริษัทถูกกำหนดให้รับผิดชอบต่อภาษีใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน ผู้ขายจะต้องชดใช้ความรับผิดชอบทางด้านภาษีดังกล่าวแก่บริษัท ไม่ว่าจะมีการประเมินความรับผิดชอบทางด้านภาษีดังกล่าวเมื่อใดก็ตาม


                16. ค่าธรรมเนียมการผิดนัด

                    16.1 บริษัทจะออกใบกำกับค่าธรรมเนียมการผิดนัด ภาษี ภาษีมูลค่าเพิ่มสุทธิ และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ทั้งหมดที่บังคับใช้ตามกฎหมายให้แก่ผู้ขาย หากมีใบกำกับราคาดังกล่าวจะถูกส่งไปให้แก่ผู้ขายและจะมีข้อมูล หมายเลขและวันที่ของคำสั่งซื้อสินค้า และค่าธรรมเนียมการดำเนินการโดยละเอียด

                    16.2 การชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียมการผิดนัด จะต้องกระทำโดยการหักเงินจากยอดที่บริษัทได้รับจากผู้ซื้อในการทำธุรกรรม เว้นแต่จะมีการตกลงกันเป็นอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร


                17. ความเป็นอิสระของบริษัทและผู้ขาย

                    17.1 บริษัทจะไม่ถือว่าเป็นคู่สัญญาของธุรกรรมใดๆ ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และด้วยเหตุนี้ ผู้ขายจึงกำหนดให้บริษัท (และบริษัทในเครือ ตัวแทน และพนักงานของบริษัท) เป็นอิสระจากการร้องเรียน ข้อเรียกร้อง หรือความเสียหาย (ทั้งที่เกิดขึ้นจริงและที่เป็นผลสืบเนื่อง) ในลักษณะและประเภทใดๆ ทั้งแบบที่เป็นที่รับทราบและไม่เป็นที่รับทราบ ต้องสงสัยหรือไม่ต้องสงสัย เปิดเผยหรือเป็นความลับ อันเกิดขึ้นจากหรือในลักษณะใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าว

                    17.2 ผู้ขายและบริษัทเป็นผู้ทำสัญญาอิสระ และไม่มีสิ่งใดในข้อตกลงของผู้ขายที่จะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ในลักษณะห้างหุ้นส่วน กิจการร่วมค้า บริษัทตัวแทน แฟรนไชส์ หรือตัวแทนจำหน่ายระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย คู่สัญญาได้รับทราบร่วมกันว่าข้อตกลงของผู้ขายจะไม่ก่อให้เกิดการจัดตั้งความสัมพันธ์โดยตรงในการว่าจ้างระหว่างบริษัท และบุคคลที่กระทำการดำเนินการให้แก่ผู้ขาย ผู้ขายจะไม่มีอำนาจใดๆ ในการทำหรือยอมรับข้อเสนอหรือการดำเนินการแทนใดๆ ในนามของบริษัท

                    17.3 ผู้ขายจะไม่ทำสัญญารับช่วงสิทธิ์หรือข้อผูกมัดของตนภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าจากบริษัท

                    17.4 ผู้ขายจะปลดเปลื้องบริษัทจากพันธะ และยินยอมที่จะปกป้อง และชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัท (และเจ้าหน้าที่ ผู้บริหาร พนักงาน และตัวแทนต่างๆ) ต่อการร้องเรียน การสูญหาย ความเสียหาย การชำระหนี้ ต้นทุน ค่าใช้จ่าย ค่าปรับในทางแพ่ง การลงโทษ หรือความรับผิดชอบตามกฎหมายอื่นๆ (รวมถึงค่าธรรมเนียมทนายความ โดยไม่มีขีดจำกัด) อันเกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับ:

                    (ก) การที่ผู้ขาย และ/หรือพนักงาน หรือผู้ทำสัญญาทำการฝ่าฝืนหรือไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกมัดใดๆ ในข้อตกลงของผู้ขายหรือข้อตกลงของผู้ซื้อ ซึ่งเกิดขึ้นจริงหรือเป็นการกล่าวหา

                    (ข) ช่องทางการขายสินค้าใดๆ ที่เป็นของหรือดำเนินการโดยผู้ขาย (รวมถึงข้อเสนอ การขาย การบรรลุผล การคืนเงิน การคืนสินค้า หรือการปรับปรุงรายการใดๆ ที่เกี่ยวข้อง) เนื้อหาของผู้ขาย การละเมิดสิทธิ์ด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่กล่าวหาใดๆ ด้วยการกระทำที่ได้กล่าวมา และการบาดเจ็บของบุคคล การเสียชีวิต หรือความเสียหายทางทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องใดๆ ในที่นี้

                    (ค) ภาษีของผู้ขาย หรือ

                    (ง) ผู้ให้บริการไม่ว่ารายเดียวหรือหลายรายดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัท ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อตกลงของผู้ขาย

                    17.5 ไม่มีสิ่งใดที่ระบุไว้ ณ ที่นี้ที่จะบังคับให้บริษัท หรือผู้ขายมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำหรือการละเว้นที่จะกระทำใดๆ ซึ่งอาจต้องห้ามหรือมีโทษภายใต้กฎหมายหรือข้อบังคับของประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆ โดยไม่คำนึงถึงบทบัญญัติอื่นในข้อตกลงฉบับนี้ที่ขัดแย้งกัน

                    17.6 หากเมื่อใดก็ตาม บริษัท ได้ตัดสินใจอย่างมีเหตุผลว่าการร้องเรียนใดๆ ที่ได้รับการชดใช้แล้วอาจส่งผลกระทบในทางตรงกันข้ามต่อบริษัท บริษัทอาจเข้าทำการแก้ต่างโดยผู้ขายต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ผู้ขายไม่สามารถทำการอนุญาตให้มีการเข้าสู่กระบวนการตัดสินคดี หรือการจัดการข้อร้องเรียนใดๆ โดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท ซึ่งความยินยอมดังกล่าวไม่สามารถระงับได้อย่างไม่สมเหตุสมผล

                    17.7 ข้อกำหนดฉบับนี้จะไม่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์เฉพาะตัวใดๆ ระหว่างบริษัทและผู้ขาย ไม่มีสิ่งใดที่แสดงหรืออนุมานได้จากในข้อกำหนดฉบับนี้ที่มีความมุ่งหมายหรือตีความได้ว่าเป็นการมอบสิทธิ์ทางกฎหมาย การเยียวยา หรือการร้องเรียนใดๆ ภายใต้หรือเกี่ยวข้องกับข้อกำหนดฉบับนี้ แก่บุคคลอื่นใดนอกเหนือจากคู่สัญญาในที่นี้ ข้อกำหนดฉบับนี้และการดำเนินการแทน การรับประกัน ข้อตกลงร่วมกัน เงื่อนไข และบทบัญญัติต่างๆ ในที่นี้มีเจตนาที่จะใช้เป็นและเพื่อผลประโยชน์พิเศษของบริษัท และผู้ขายโดยเฉพาะเท่านั้น

                    17.8 ระหว่างผู้ขายและบริษัท ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวต่อข้อผูกมัดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการบุคคลที่สาม หรือฟีเจอร์ที่ผู้ขายอนุญาตให้บริษัทใช้งานในนามของผู้ขายซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการใช้งานที่เกี่ยวข้องใดๆ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแต่งตั้งตัวแทนหรือทำสัญญารับช่วงการปฏิบัติหน้าที่ใดๆ ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามข้อผูกมัดของบริษัทภายใต้ข้อตกลงของผู้ขาย และขอสงวนสิทธิ์ในการใช้งานผู้ให้บริการ ผู้ทำสัญญารับช่วงและ/หรือตัวแทนใดๆ ตามข้อกำหนดดังกล่าวที่บริษัทเห็นว่าเหมาะสม


                18. การยุติและการเพิกถอน

                    18.1 บริษัทมีสิทธิ์ในการยุติข้อตกลงของผู้ขายและข้อกำหนดฉบับนี้แต่ฝ่ายเดียวโดยทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆ ดังต่อไปนี้ :

                    (ก) การที่ผู้ขายฝ่าฝืนข้อผูกมัดหรือการรับประกันใดๆ ภายใต้ข้อตกลงของผู้ขาย และการที่ไม่สามารถทำการแก้ไขได้ภายในเจ็ด (7) วันนับจากที่ได้รับการแจ้งเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท ถึงการฝ่าฝืนดังกล่าว

                    (ข) การที่ผู้ขายมีมติในการเลิกกิจการ หรือศาลผู้มีอำนาจตัดสินคดีสั่งให้ผู้ขายยกเลิกหรือเลิกหรือสลายกิจการ

                    (ค) การกำหนดระเบียบการบริหารที่เกี่ยวข้องกับผู้ขาย หรือการแต่งตั้งผู้รับ หรือการขัดขวางการครอบครองหรือการขายทรัพย์สินใดๆ ของผู้ขาย

                    (ง) การที่ผู้ขายเตรียมการหรือทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้ของตนโดยทั่วไป หรือทำการขอศาลผู้มีอำนาจตัดสินคดีให้มอบความคุ้มครองจากเจ้าหนี้ของตน

                    (จ) การที่ผู้ขายยุติหรือขู่ที่จะยุติการทำธุรกิจ

                    (ฉ) บริษัทจะมีสิทธิ์ในการยุติข้อตกลงของผู้ขายและข้อกำหนดฉบับนี้แต่เพียงฝ่ายเดียวตามดุลยพินิจของบริษัท ภายใน 14 (สิบสี่) วันนับจากวันที่บริษัทแจ้งเตือนถึงการยุติดังกล่าวอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้ว

                    18.2 ผู้ขายมีสิทธิ์ในการยุติข้อตกลงของผู้ขายแต่เพียงฝ่ายเดียว ภายใน 14 (สิบสี่) วันนับจากวันที่เกิดเหตุการณ์ใดๆ ดังต่อไปนี้ :

                    (ก) การที่บริษัทเลื่อนเวลาการชำระเงินให้นานกว่า 30 (สามสิบ) วันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรตามข้อตกลงฉบับนี้

                    (ข) การที่บริษัทเลื่อนเวลาการคืนสินค้าให้นานกว่า 60 (หกสิบ) วันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรตามข้อตกลงฉบับนี้

                    (ค) การกำหนดระเบียบการบริหารที่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือการแต่งตั้งผู้รับทรัพย์สินของบริษัท

                    (ง) การที่บริษัทเตรียมการหรือทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้ของตนโดยทั่วไปหรือทำการขอศาลผู้มีอำนาจตัดสินคดีให้มอบความคุ้มครองจากเจ้าหนี้ของตน

                    (จ) การที่บริษัทยุติหรือขู่ที่จะยุติการทำธุรกิจ

                    (ฉ) ผู้ขายจะมีสิทธิ์ในการยุติข้อตกลงของผู้ขายและข้อกำหนดฉบับนี้แต่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่มีสาเหตุ ตามดุลยพินิจของผู้ขายแต่เพียงผู้เดียว ภายใน 14 (สิบสี่) วันนับจากวันที่ผู้ขายแจ้งเตือนถึงการยุติดังกล่าวอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้ว

                    18.3 ก่อนยุติข้อตกลงของผู้ขาย ผู้ขายจะต้องแจ้งให้บริษัท รับทราบถึงข้อตกลงที่สิ้นสุดทั้งหมดซึ่งได้กระทำร่วมกับผู้ซื้อ ซึ่งจำเป็นต้องมีการดำเนินการ เพื่อมิให้เกิดความสงสัย ผู้ขายจะยังคงมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการคำสั่งซื้อที่ค้างอยู่ตามรูปแบบการดำเนินการเฉพาะที่ได้ตกลงกับบริษัท หากผู้ขายไม่สามารถกระทำการดังกล่าวได้ บริษัทสามารถยกเลิกคำสั่งซื้อและอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมกิจกรรมที่ใช้กับคำสั่งซื้อดังกล่าว รวมถึงค่าปรับแก่ผู้ขายตามบทที่ 15.1 ซึ่งจะหักออกจากการชำระเงินที่บริษัทจะชำระให้แก่ผู้ขาย


                19. สิทธิ์ในเชิงอุตสาหกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา

                    19.1 ผู้ขายเป็นตัวแทนและรับรองต่อบริษัทว่าผู้ขายเป็นเจ้าของหรือมีสิทธิ์ตามกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ ความลับทางการค้า เครื่องหมายการค้า ชื่อทางการค้า หรือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและเนื้อหา และตระหนักถึงการร้องเรียนใดๆ ที่บุคคลที่สามทำขึ้นอันเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ ความลับทางการค้า เครื่องหมายการค้า ชื่อทางการค้า หรือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ ที่เป็นที่กล่าวหาหรือที่เป็นอยู่ในขณะนี้ หรือการร้องเรียน คำสั่ง หรือการกระทำอื่นๆ ที่เกิดจากเนื้อหา การโฆษณา การตีพิมพ์ การส่งเสริมการขาย การผลิต การขาย การกระจายสินค้า หรือการใช้สินค้า และจะไม่ละเมิดสิทธิ์ข้างต้นไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมด้วยการดำเนินการแทนนี้

                    19.2 ผู้ขายตกลงที่จะปล่อยเป็นอิสระ แก้ต่าง ปกป้อง ชดใช้ค่าเสียหาย และยกเว้นความรับผิดให้แก่บริษัทและบริษัทในเครือ (รวมถึงค่าธรรมเนียมทนายความและค่าใช้จ่ายในศาลในการชดใช้ค่าเสียหาย) ค่าใช้จ่าย ค่าปรับ การลงโทษ การสูญหาย ความเสียหาย และความรับผิดชอบตามกฎหมายใดๆ และทั้งหมดที่เกิดขึ้นเนื่องจากการละเมิดสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ ความลับทางการค้า เครื่องหมายการค้า ชื่อทางการค้า หรือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ ที่เป็นที่กล่าวหาหรือที่เป็นอยู่ในขณะนี้ หรือการร้องเรียน คำสั่ง หรือการกระทำอื่นๆ ที่เกิดจากเนื้อหา การโฆษณา การตีพิมพ์ การส่งเสริมการขาย การผลิต การขาย การกระจายสินค้า หรือการใช้สินค้า

                    19.3 ผู้ขายไม่มีสิทธิ์ในการใช้งานทรัพย์สินทางปัญญาใดๆ ที่เป็นของบริษัท โดยไม่ได้รับการยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท


                20. การรักษาความลับ

                    20.1 ข้อมูลความลับ หมายถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลใดๆ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท บริษัทในเครือ บริษัทย่อย หรือบริษัทที่ถูกรวมเข้าด้วยกัน และไม่เป็นที่รู้จักแก่สาธารณะโดยทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบที่จับต้องได้หรือจับต้องไม่ได้ ไม่ว่าเมื่อใดและไม่ว่าจะเปิดเผยในลักษณะใด ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง :

                    (ก) กลยุทธ์การตลาด แผนการ ข้อมูลทางการเงิน หรือการวางโครงการ การทำงาน การประเมินการขาย และแผนการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมธุรกิจในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของคู่สัญญาดังกล่าวใดๆ

                    (ข) ผลการปฏิบัติงานในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงคำสั่งซื้อและปริมาณใดๆ

                    (ค) แผนการและกลยุทธ์เพื่อการขยายขนาดใดๆ

                    (ง) ผลิตภัณฑ์หรือกิจกรรม และรายชื่อผู้ซื้อหรือผู้จัดหาสินค้าใดๆ

                    (จ) ข้อมูล การคิดค้น การออกแบบ ขั้นตอน กระบวนการ สูตร การพัฒนา เทคโนโลยี หรือวิธีการทางวิทยาศาสตร์หรือทางเทคนิคใดๆ

                    (ฉ) แนวคิด รายงาน ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ความรู้และทักษะ งานที่กำลังดำเนินอยู่ การออกแบบ เครื่องมือการพัฒนา ข้อมูลจำเพาะซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ รหัสต้นฉบับ รหัสจุดหมาย การคิดค้นต่างๆ ข้อมูลและความลับทางการค้าใดๆ และ

                    (ช) ข้อมูลอื่นใดที่ควรถือว่าเป็นข้อมูลความลับของฝ่ายที่เป็นผู้เปิดเผยข้อมูล ข้อมูลความลับไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งแปลกใหม่ เป็นเอกลักษณ์ ต้องสามารถจดทะเบียนหรือลิขสิทธิ์ได้ หรือประกอบด้วยความลับทางการค้า ถึงจะสามารถระบุว่าเป็นข้อมูลความลับได้

                    20.2 ผู้ขายจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลความลับ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท ผู้ขายสามารถใช้ข้อมูลความลับเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามข้อตกลงของผู้ขาย และไม่ใช่เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด ผู้ขายสามารถเปิดเผยข้อมูลความลับเพื่อสาเหตุใดๆ ดังต่อไปนี้ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้ว :

                    (ก) เพื่อปฏิบัติตามบทบัญญัติที่จำเป็นของกฎหมายที่ใช้บังคับ หรือกฎของขอบเขตอำนาจศาลที่ระบุ

                    (ข) ข้อมูลดังกล่าวมีการเปิดเผยอย่างเหมาะสมแก่ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ผู้สอบบัญชี หรือนายธนาคาร ของผู้ขาย ต่อเมื่อผู้รับข้อมูลยินยอมที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลแต่แรก

                    (ค) ข้อมูลอยู่ในโดเมนสาธารณะยกเว้นจะเป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงในวรรคนี้

                    (ง) เพื่อวัตถุประสงค์ในการชี้ขาดหรือการดำเนินการทางกฎหมายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากข้อตกลงของผู้ขาย และ

                    (จ) ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐใดๆ ตามคำร้องขอของเจ้าหน้าที่

                    20.3 สิทธิ์และข้อผูกมัดของผู้ขายภายใต้ข้อที่ 20 นี้จะยังคงอยู่แม้จะมีการยุติข้อตกลงของผู้ขายก็ตาม

                    20.4 การส่งคืนข้อมูลความลับ:

                    (ก) ผู้ขายจะต้องคืนและจัดส่งวัสดุที่จับต้องได้ทั้งหมดซึ่งมีข้อมูลความลับที่มอบให้ด้านล่างนี้ และบันทึกการประชุม ข้อความ สรุป บันทึกความจำ ภาพวาด คู่มือ บันทึก ข้อความคัดลอก หรือข้อมูลที่แยกออกมาซึ่งเกิดขึ้น และเอกสารและวัสดุอื่นๆ ทั้งหมดกลับให้แก่บริษัท และสำเนาทั้งหมดของสิ่งอื่นใดที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงสำเนาที่ถูกแปลงเป็นสื่อคอมพิวเตอร์ในรูปแบบของภาพ ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือไฟล์ประมวลผลข้อความ ทั้งด้วยมือ หรือด้วยการจับภาพ โดยมีพื้นฐานจากหรือรวมถึงข้อมูลความลับใดๆ ในรูปแบบการเก็บรักษาหรือการได้มาซึ่งข้อมูลใดๆ ก็ตาม ในตอนต้นของ :

                    (1) การยุติข้อตกลงของผู้ขาย

                    (2) ในเวลาที่บริษัทร้องขอ การส่งคืนเอกสารดังกล่าวจะต้องกระทำภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่อ้างถึงข้างต้น

                    (ข) อย่างไรก็ตาม ผู้ขายสามารถเก็บเอกสารดังกล่าวของบริษัทไว้ได้ตามที่จำเป็นในการทำให้ผู้ขายสามารถปฏิบัติตามนโยบายการเก็บรักษาเอกสารได้ หรือผู้ขายสามารถทำลายข้อมูลความลับที่แสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมที่กล่าวไว้ก่อนหน้าใดๆ โดยได้รับความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท (หรือการลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถกู้คืนได้) และยืนยันการทำลายดังกล่าวอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรโดยเจ้าหน้าที่ของผู้ขายที่ควบคุมการทำลาย

                    20.5 ไม่มีการรับประกันจากคู่สัญญาฝ่ายใดภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้ ผู้ขายเข้าใจว่าไม่มีการดำเนินการแทนหรือการรับประกันใดๆ ต่อความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลความลับที่บริษัททำขึ้น


                21. เหตุสุดวิสัย

                    21.1 บริษัทจะไม่รับผิดชอบตามกฎหมายใดๆ ต่อผู้ขายหรือถือว่าละเมิดข้อตกลงของผู้ขายด้วยสาเหตุจากความล่าช้าหรือความล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อผูกมัดใดๆ ของบริษัท หากการล่าช้าหรือความล้มเหลวดังกล่าวเกิดขึ้นจากเหตุการณ์หรือสาเหตุที่อยู่นอกเหนือการควบคุมอันสมเหตุสมผลของบริษัท โดยไม่มีความลำเอียงต่อกฎเกณฑ์ทั่วไปที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ข้อต่อไปนี้จะถือว่าเป็นเหตุการณ์เหตุสุดวิสัย :

                    (ก) ปรากฏการณ์ธรรมชาติ การระเบิด น้ำท่วม พายุ อัคคีภัย หรืออุบัติเหตุ

                    (ข) สงคราม หรือคำขู่ในการก่อสงคราม การก่อวินาศกรรม การจลาจล การก่อความไม่สงบ หรือการเรียกร้องของประชาชน การก่อการร้าย หรือสถานการณ์ที่ไม่สงบ

                    (ค) การกระทำ ข้อจำกัด กฎเกณฑ์ กฎระเบียบของบริษัท ข้อห้าม หรือมาตรการใดๆ ในส่วนของอำนาจรัฐ อำนาจรัฐสภา หรืออำนาจในท้องถิ่น

                    (ง) กฎเกณฑ์การนำเข้าหรือการส่งออก หรือการสั่งห้ามเข้าออกท่าเรือ

                    (จ) การหยุดชะงักของการจราจร การหยุดงานประท้วง การปิดล็อกประตู หรือการกระทำที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอุตสาหกรรม หรือความขัดแย้งทางการค้าอื่นๆ (ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับพนักงานของบริษัทหรือของบุคคลที่สามก็ตาม)

                    (ฉ) การแพร่ระบาดซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับเรื่องสุขภาพที่ประกาศโดยองค์การอนามัยโลก

                    (ช) การหยุดชะงักของการผลิตหรือการทำงาน ความยากลำบากในการได้มาซึ่งวัตถุดิบ แรงงาน เชื้อเพลิง อะไหล่หรือเครื่องจักร และ

                    (ซ) การไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้หรือการหยุดทำงานของเครื่องจักร

                    21.2 เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆ ที่ระบุในข้อที่ 21.1 บริษัทสามารถหยุดการส่งสินค้าหรือการปฏิบัติตามข้อผูกมัดของตนบางส่วนหรือทั้งหมดแล้วแต่จะเลือก ขณะที่เหตุการณ์หรือสถานการณ์ดังกล่าวยังดำเนินต่อไป หากเหตุการณ์ใดๆ ในข้อที่ 21.1 ดำเนินต่อไปเป็นระยะเวลาที่เกินกว่าหนึ่งเดือน บริษัทจะยุติข้อตกลงของผู้ขายโดยทันทีโดยจะแจ้งเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผู้ขาย


                22. อื่นๆ

                    22.1 การปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้หรือข้อตกลงผู้ซื้อใดๆ ผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย สนธิสัญญา พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับทั้งหมดอย่างเคร่งครัด และโดยเฉพาะในด้านการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล การนำเข้าและส่งออก กฎหมาย พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมายและกฎเกณฑ์ด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมของเขตอำนาจศาลใดๆ (ไม่ว่าจะระหว่างประเทศ ในประเทศ ภูมิภาค รัฐ จังหวัด เมือง หรือท้องถิ่นก็ตาม) ที่อาจมีการปฏิบัติตามข้อตกลงฉบับนี้ ผู้ขายจะมอบเอกสารรับรองการปฏิบัติตามอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรตามที่กฎหมาย พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมาย และกฎเกณฑ์ของสหพันธรัฐ รัฐ หรือท้องถิ่นกำหนด ตามคำร้องขออย่างเป็นลายลักษณ์อักษรของบริษัท เพื่อมิให้เกิดความสงสัย ผู้ขายจะใช้งานและ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากบริษัท เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามข้อผูกมัดของตนภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้หรือสัญญาของผู้ซื้อเท่านั้น โดยต้องสอดคล้องกับข้อกำหนดภายใต้กฎหมายและกฎเกณฑ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและอยู่ในลักษณะที่ยืนยันว่าบริษัท จะยังคงปฏิบัติตามข้อกำหนดภายใต้กฎหมายและกฎเกณฑ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้ได้

                    22.2 การทำให้เป็นโมฆะหรือการไม่มีผลบังคับใช้ของบทบัญญัติใดๆ ในข้อกำหนดฉบับนี้ที่เป็นอยู่ในขณะนี้หรือในอนาคต จะไม่ส่งผลต่อความมีเหตุผลหรือความมีผลบังคับใช้ของเอกสารทั้งหมด

                    22.3 ความล้มเหลวของคู่สัญญาในการใช้สิทธิ์ของตนในกรณีที่เกิดการละเมิดสัญญาโดยคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง จะไม่ถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ของตนภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้หรือภายใต้กฎหมายที่ใช้บังคับได้

                    22.4 ผู้ขายจะไม่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมายต่อการไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกมัดของตนภายใต้ข้อตกลงของผู้ขายทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งเกิดความล่าช้าหากการล่าช้าดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ในกรณีที่เหตุสุดวิสัยขัดขวางผู้ขายจากการปฏิบัติตามข้อผูกมัดของตนเป็นเวลานานกว่า 5 (ห้า) วันติดต่อกันบริษัทจะได้รับสิทธิ์ในการยุติข้อตกลงของผู้ขาย

                    22.5 การอ้างอิงกฎหรือบทบัญญัติของชาติ จังหวัด ท้องถิ่น หรือต่างชาติใดๆ มีเจตนาในการรวมถึงบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ทั้งหมดที่ออกตามบทบัญญัติดังกล่าว เว้นแต่บริบทจะกำหนดเป็นอื่น

                    22.6 ข้อกำหนดฉบับนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ เว้นแต่แก้ไขด้วยเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งมีการ ลงนามโดยตัวแทนของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายที่ได้รับอนุญาตอย่างเหมาะสม

                    22.7 ข้อกำหนดและเงื่อนไขของข้อที่ 17, 18, 19 และ 20 จะไม่ได้รับผลกระทบจากการยุติข้อกำหนดของผู้ขายด้วยสาเหตุใดๆ

                    22.8 สินค้าต่อไปนี้บริษัทไม่อนุญาตให้ขาย ตามข้อบังคับของกฎหมายซึ่งไม่อนุญาตให้จำหน่าย ได้แก่

                    (ก) สินค้าประเภทยา ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510

                    (ข) สินค้าประเภทเครื่องมือแพทย์ ตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2531

                    (ค) สินค้าประเภทสุรา ตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493

                    (ง) สินค้าประเภทปุ๋ย ตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2518

และสินค้าชนิดอื่นๆ ที่กฎหมายห้ามมิให้จำหน่ายนอกสถานที่ทำการของผู้ประกอบธุรกิจ เนื่องจากสามารถนำมาสร้างพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปในลักษณะของการระดมเงินทุน หรือการลงทุนในลักษณะของแชร์ลูกโซ่ได้ เช่น ทองคำแท่ง ทองคำรูปพรรณ เพชร พลอย สลากกินแบ่งรัฐบาล สุรา บุหรี่ ซิมการ์ดโทรศัพท์ เป็นต้น


              23. กฎหมายที่ใช้บังคับและศาลที่มีอำนาจตัดสิน

                    23.1 ข้อกำหนดฉบับนี้อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายของประเทศไทย

                    23.2 ความขัดแย้ง การโต้เถียง หรือการกล่าวอ้างใดๆ ที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับสัญญาฉบับนี้ หรือการละเมิด การยุติ หรือความเป็นโมฆะของสิ่งที่กล่าวถึงนั้น จะอนุญาตให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ทำการตัดสินแต่เพียงผู้เดียวตามข้อบังคับอนุญาโตตุลาการการค้าไทย คณะอนุญาโตตุลาการจะประกอบด้วยอนุญาโตตุลาการผู้เดียวที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธาน โดยการตัดสินดังกล่าวจะกระทำในกรุงเทพมหานคร การตัดสินใดๆ จากคณะอนุญาโตตุลาการถือเป็นที่สิ้นสุดและมีผลผูกพันต่อคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย หรือ

                    23.3 คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงให้ดำเนินคดีกัน ณ ศาลแพ่ง กรุงเทพมหานคร อย่างใดอย่าหนึ่ง


              24. การแก้ไขและเพิ่มเติมข้อตกลง/เงื่อนไข

                    24.1 ในกรณีที่บริษัทมีการได้ผ่อนผัน การปฏิบัติตามข้อตกลงและเงื่อนไขในการใช้บริการนี้ หรือการละเว้นใช้สิทธิใดๆ ตามข้อตกลงและเงื่อนไขในการใช้บริการ คราวใด ให้ถือว่าการผ่อนผันหรือการละเว้นดังกล่าวเป็นการผ่อนผันหรือละเว้นเฉพาะคราวเท่านั้น

                    24.2 ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติม ดัดแปลง ตัดทอน ลดทอน ข้อตกลงและเงื่อนไขในการใช้บริการในฉบับนี้ บริษัทมีสิทธิ์ในการแก้ไขข้อตกลงและเงื่อนไขในการใช้บริการนี้เมื่อมีเหตุผลอันควร ตราบใดที่การแก้ไขดังกล่าวไม่ละเมิดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่มีการแก้ไขนี้ บริษัทจะแจ้งการแก้ไขดังกล่าว (รวมถึงวันที่มีผลของการแก้ไขดังกล่าวและเหตุผลในการแก้ไข) ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทก่อนวันที่ที่การแก้ไขดังกล่าวจะมีผลสิบห้า (15) วัน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่การแก้ไขใดๆ ทำให้ท่านเสียประโยชน์ การแก้ไขนั้นจะถูกแจ้งผ่านเว็บไซต์ของบริษัทก่อนวันที่มีผลสามสิบ (30) วัน และจะมีการแจ้งด้วยวิธีการส่ง e-mail หรือข้อความ SMS และหรือวิธีการอื่นใดที่ส่งถึงท่าน (หากมีปัญหายุ่งยากในการแจ้งให้ทราบเป็นรายบุคคล เนื่องจากท่านไม่ได้ให้ข้อมูลที่ติดต่อที่ถูกต้อง การเปลี่ยนข้อมูลที่ติดต่อ เป็นต้น และมีการแจ้งการแก้ไขดังกล่าวตามข้อตกลงนี้แล้ว จะถือว่าได้ทำการแจ้งเป็นรายบุคคลแล้ว) โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อประกาศผ่านทางเว็บไซด์ www.be-mall.com เมื่อมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุด โดยไม่ต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทก่อน รวมถึงไม่ต้องได้รับการยินยอมจากท่านก่อน เป็นหน้าที่ของท่านในการรับผิดชอบในการตรวจสอบข้อตกลงและเงื่อนไขในการใช้บริการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงหรือเงื่อนไขใดๆ ไม่ว่าท่านจะได้ตรวจสอบดังกล่าวหรือไม่ ถือว่าท่านได้ให้การยินยอมและยอมรับในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและข้อตกลงการในใช้บริการดังกล่าวแล้ว

                   หากท่านไม่พอใจข้อตกลงและเงื่อนไขในการใช้บริการ ในการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุด ท่านมีสิทธิระงับใช้บริการหรือทำเรื่องยกเลิกการเป็นสมาชิกได้

                   โดยผลของการกระทำดังกล่าวอาจทำให้ท่านไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ สิทธิพิเศษ รางวัลใดๆ ที่จะได้รับในอนาคต บริษัทขอสงวนสิทธิในการที่จะสิทธิประโยชน์ สิทธิพิเศษ รางวัลใดๆ กับท่านโดยทันที โดยที่ท่านไม่สิทธิเรียกร้องใดๆ กับบริษัทถึงแม้ สิทธิประโยชน์ สิทธิพิเศษ รางวัลใดๆ นั้นจะเป็นสิทธิที่ท่านได้รับก่อนวันระงับใช้บริการดังกล่าว


ข้อตกลงและเงื่อนไขพิเศษ

ค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียมการชำระเงิน

                   บริษัทจะตกลงกำหนดค่าคอมมิชชั่นกับผู้ขายเป็นรายๆ ไปตามข้อกำหนดของบริษัท ส่วนค่าธรรมเนียมการชำระเงินขึ้นอยู่กับนโยบายการหักค่าธรรมเนียมผ่านช่องทางต่างๆ ที่บริษัทกำหนด ยกตัวอย่างเช่น ผู้ซื้อที่ใช้บัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมบัตรหักผู้ใด ผู้ซื้อ หรือบริษัท หรือผู้ขาย (ภาษีมูลค่าเพิ่มจากราคาที่ลงรายการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) จะมีผลบังคับใช้กับสินค้าแต่ละรายการที่ผู้ขายขายได้)

                   ผู้ขายรับทราบว่าค่าธรรมเนียมการส่งสินค้า/โลจิสติกส์เป็นหน้าที่ของผู้ขายและผู้ซื้อตกลงกัน ในกรณีที่ผู้ขายใช้ประโยชน์จากบุคคลที่สาม/ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ บริษัทจะใช้ดุลยพินิจเพียงฝ่ายเดียวในการพิจารณาวิธีการขนส่งโดยคำนึงถึง เวลา และราคาการขนส่งที่ดีที่เหมาะสมที่สุดให้แก่ผู้ขายแต่ละท่านและพึงให้ใช้ค่าธรรมเนียมการส่งสินค้า/โลจิสติกส์ที่เกิดขึ้นจากบุคคลที่สามซึ่งผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ได้รับมอบหมาย ตามที่กำหนดไว้



                    สิทธิ์ในการเรียกร้องของผู้ขาย

                    1. ในกรณีที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ ผู้ขายมีสิทธิ์ที่จะทำการเรียกร้องอย่างเป็นทางการ ร่วมกับหลักฐานที่ร้องขอและ/หรือที่กำหนดต่อบริษัทภายใน 5 วันทำการนับจากวันที่ในใบแจ้งราคาสินค้า เมื่อบริษัทยอมรับหลักฐานทั้งหมดที่ร้องขอและ/หรือที่กำหนดแล้ว บริษัทจะทำการแก้ปัญหาตามแต่ละกรณี ซึ่งจะถือเป็นที่สิ้นสุดภายใน 5 วันทำการนับจากวันที่ได้รับหลักฐาน หากไม่สามารถยื่นหลักฐานภายใน 5 วันทำการนับจากวันที่ในใบแจ้งราคาสินค้าได้ จะถือว่าข้อพิพาทนั้นได้รับการตัดสินแล้ว

หลักฐานที่จะยื่นให้แก่บริษัท โดยพื้นฐานแล้วมีดังนี้

                        ก. หลักฐานการจัดส่งสินค้า

                        ข. หลักฐานการรับสินค้า

                        ค. รูปภาพ (หากเกิดความเสียหายขึ้นระหว่างการขนส่งโดยบุคคลที่สามผู้ให้บริการโลจิสติกส์)

                        ง. หลักฐานอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียนและ/หรือตามที่บริษัท กำหนด

                    2. บริษัทสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ค่าธรรมเนียมการขนส่งสินค้า/โลจิสติกส์ ภายใต้ข้อตกลงนี้ด้วยดุลยพินิจของบริษัท เพียงฝ่ายเดียวโดยมีผลทันทีหลังจากทำการแจ้งเตือนล่วงหน้าเป็นเวลา 7 วัน

                    3. ผู้ขายตระหนัก และรับทราบเป็นอย่างดีแล้วว่าอัตราต่างๆ ที่ปรากฏนั้นเพื่อประโยชน์แห่งการอ้างอิงเท่านั้น อัตราจริงที่เรียกเก็บอาจแตกต่างไปตามที่กำหนดโดยใบเรียกเก็บ และใบแจ้งหนี้ที่ออกโดยบุคคลที่สามซึ่งผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ได้รับมอบหมาย

                    4. การชำระเงินคืน และ/หรือเงินสมทบต่างๆ ที่ต้องชำระให้แก่ผู้ขายนั้น บริษัทจะคืนให้เป็นรอบรายเดือน


                    ค่าธรรมเนียมการผิดนัด บทลงโทษ และค่าปรับผู้ขาย

                    1. หากผู้ขายยกเลิก ปฏิเสธ หรือไม่สามารถการดำเนินการตามคำสั่งซื้อ ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติใดๆ ที่ระบุในข้อตกลงฉบับนี้ ผู้ขายจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการผิดนัดที่ระบุในตาราง ค่าธรรมเนียมการผิดนัดและค่าธรรมเนียมอื่นๆ แล้วแต่กรณี โดยค่าธรรมเนียมการผิดนัดจะเพิ่มมากขึ้นในคำสั่งซื้อแต่ละรายการตามที่ระบุในตารางค่าธรรมเนียมการผิดนัด

                    2. บริษัทขอสงวนสิทธิ์โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าในการหักค่าธรรมเนียมการผิดนัดที่เกี่ยวข้องจากยอดเงินในบัญชีของผู้ขาย และบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการระงับผู้ขายในแพลตฟอร์มของบริษัท เป็นการชั่วคราว ตามระยะเวลาที่กำหนดหรือ ไม่มีกำหนด เนื่องมาจากการผิดนัดของผู้ขาย บริษัทจะอนุญาตผู้ขายบนแพลตฟอร์มอีกครั้งตามข้อกำหนดที่แนบมา ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

                    3. ค่าธรรมเนียมการผิดนัดยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

                    4. บริษัทขอสงวนสิทธิ์ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว ในการอัพเดตค่าธรรมเนียมการผิดนัด ซึ่งจะสามารถบังคับใช้โดยมีผลทันทีหลังจากทำการแจ้งเตือนล่วงหน้าเป็นเวลา 7 วัน

ตาราง : ค่าธรรมเนียมการผิดนัด

รายการ สาเหตุของการที่ผู้ขายผิดนัด คำอธิบาย อัตราค่าปรับ
1 การยกเลิกเนื่องจากสินค้าหมด/ไม่ดำเนินการคำสั่งซื้อ การยกเลิกของผู้ขายเกิดขึ้นจากความไม่สามารถจัดการได้ หรือความไม่มีอยู่จริง หรือไม่สามารถชำระหนี้ได้ของผู้ขาย 300 บาท/ชิ้น
2 ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติ/ปริมาณไม่ถูกต้อง ผลิตภัณฑ์ของผู้ขายที่ถูกส่งไปไม่ตรงกับคุณสมบัติและ/หรือปริมาณที่ระบุในคำสั่งซื้อและ/หรือที่ระบุบนแพลตฟอร์ม 300 บาท/ชิ้น
3 อายุของผลิตภัณฑ์ เกิดจากความประมาทเลินเล่อที่ลงรายการสินค้าที่มีอายุการใช้งานน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของอายุการใช้งานจากวันที่ผลิต 300 บาท/ชิ้น
4 ผลิตภัณฑ์ต้องห้าม ผู้ขายรู้อยู่แล้ว หรือโดยประมาทเลินเล่อ ขายหรือ พยายามขายผลิตภัณฑ์ต้องห้ามตามที่กฎหมาย/กฎเกณฑ์ หรือนโยบายของบริษัทระบุไว้ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีสัญลักษณ์ มอก. หรือผลิตภัณฑ์ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 3,000 บาท/ชิ้น
5 การจัดหา ผู้ขายจัดหา หรือพยายามหาแหล่งที่ขายโดยผู้ขายอื่น ของบริษัท โดยใช้บัตรส่วนลดหรือโปรโมชั่นที่มีอยู่และอื่นๆ ของบริษัท เพื่อที่จะนำมาจำหน่ายเอง 3,000 บาท/ชิ้น
6 การติดต่อสื่อสารโดยตรง ผู้ขายติดต่อผู้ซื้อโดยตรง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงของข้อสัญญา 1,500 บาท/คำสั่งซื้อ
7 การเพิ่มราคาระหว่างช่วงที่จัดการส่งเสริมการขาย ผู้ขายปรับราคาของสินค้าใดๆ ที่ลงรายการไว้ซึ่งอยู่ภายใต้การตกลงซื้อขาย/การส่งเสริมการขาย ระหว่างช่วงเวลาที่มีแคมเปญส่งเสริมการขายโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท 3,000 บาท/ผลิตภัณฑ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง
8 การซื้อสินค้าของตัวเองที่ไม่ได้ลดราคาหรือลดราคาแล้ว ผู้ขายโดยเจตนาไม่สุจริต ซื้อสินค้าของตัวเองที่ลงรายการไว้บนแพลตฟอร์มภายใต้ราคาปกติหรือราคาที่ลดแล้วซึ่งบริษัทหรือผู้อื่นเป็นผู้สนับสนุน 3,000 บาท/ชิ้น
9 การไม่ปฏิบัติตามข้อผูกมัด ผู้ขายไม่ปฏิบัติตามข้อผูกมัดของตนภายใต้สัญญา ไม่จำกัดเพียงการไม่มอบผลิตภัณฑ์ที่พร้อมส่งภายในกรอบเวลาที่ตกลงกันไว้ 300 บาท/ชิ้น
10 การไม่สามารถส่งสินค้าได้ ผลิตภัณฑ์ไม่พร้อมส่งตามที่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายงานมา หลักจากที่มีสถานะแสดงว่า “พร้อมส่ง” ในศูนย์บริการผู้ขาย 300 บาท/การส่งสินค้า
11 การส่งคืน/การส่งสินค้าที่ล้มเหลวเนื่องจากการไม่ยอมรับสินค้า ผู้ขายปฎิเสธที่จะรับสินค้าที่ถูกส่งคืนหรือสินค้าที่ไม่ได้รับการจัดส่ง 300 บาท/ชิ้น รวมมูลค่าทั้งหมดของสินค้า ซึ่งได้ดำเนินการคืนเงินให้แก่ลูกค้าแล้ว
12 การบรรจุหีบห่อที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด การบรรจุหีบห่อที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุในข้อย่อยที่ว่าด้วยการบรรจุหีบห่อภายใต้ประเภทสินค้า 300 บาท/ชิ้น
13 การยกเลิกเนื่องจากการลงราคาผิด การยกเลิกคำสั่งซื้อ เกิดขึ้นเนื่องจากราคาที่ผู้ขายระบุมีความผิดพลาดในขณะที่ทำการสั่งซื้อ 1,000 บาท/ชิ้นที่มีการสั่งซื้อ
14 การฉ้อโกง การกระทำใดๆ ที่ถือว่าเป็นการฉ้อโกงภายใต้ดุลพินิจของบริษัท อย่างน้อย 10,000 บาท และบริษัทมีสิทธิยกเลิกสัญญา

                    การรับประกันสินค้า

                    1. บริษัทมีหน้าที่ดำเนินงาน จัดการ และจัดให้มีระบบเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรมแบบไม่มีข้อจำกัดต่อสินค้าระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเท่านั้น ทางบริษัทไม่ได้เป็นตัวแทนผู้ซื้อหรือผู้ขาย ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อภาระหนี้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่ทำระหว่างผู้ใช้บริการและข้อมูลที่ให้โดยผู้ใช้บริการ

                    2. บริษัทจะไม่รับประกัน และไม่ข้องเกี่ยวในการใดๆ ที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมโดยผู้ซื้อและผู้ขาย เช่น การมีอยู่ หรือความซื่อสัตย์ของเจตนาในการซื้อหรือการขาย คุณภาพ ความสมบูรณ์ ความรับผิดในสินค้า ความปลอดภัย ความถูกต้องตามกฎหมายของสินค้าที่ได้ลงทะเบียนไว้ หรือแม้แต่ไม่รับประกันและไม่เกี่ยวข้องว่าสินค้าดังกล่าวละเมิดสิทธิของผู้อื่น ข้อมูลที่ประกาศของผู้ขาย หรือผู้ซื้อ หรือสิ่งอื่นๆ ที่ประกาศลงบน ลิงค์ URL ผ่านข้อมูลดังกล่าวจะน่าเชื่อถือ หรือถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สมาชิกที่เกี่ยวข้องจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในหนี้สินหรือความเสี่ยงใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเองทั้งสิ้น

                    3. บริษัทไม่ได้ขายสินค้าให้กับผู้ซื้อและไม่ได้ซื้อสินค้าจากผู้ขาย บริษัทพัฒนาและจัดให้มีแพลตฟอร์มและเครื่องมือเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเท่านั้น

                    4. ในการรับประกันสินค้าหรือบริการ ผู้ซื้อตกลงและทราบว่า ผู้ขายควรจะดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกำหนด หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยผู้ขายรับทราบว่าการรับประกันการคืนสินค้าและแจ้งเปลี่ยนสินค้า ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ผู้ซื้อได้รับสินค้า ทั้งนี้ หลังจากครบ 7 วันนับจากวันที่ผู้ซื้อได้รับสินค้าแล้ว ผู้ซื้อยังสามารถเปลี่ยนหรือส่งซ่อมสินค้ากับผู้ผลิตสินค้า ภายใต้เงื่อนไขการรับประกันที่กำหนดไว้สำหรับสินค้านั้นๆ สำหรับรายละเอียดการรับประกันสินค้าแต่ละประเภท ผู้ซื้อสามารถติดต่อศูนย์บริการผู้ซื้อของ บริษัท เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือตรวจสอบจากเอกสารใบรับประกันที่มากับสินค้า หรือติดต่อกับศูนย์บริการของผู้ผลิตสินค้านั้นๆ


                    การส่งคืนสินค้า/การเปลี่ยนสินค้า

                    ผู้ขายรับทราบและตกลงยินยอมว่าผู้ซื้อสามารถคืนหรือเปลี่ยนสินค้าภายใน 7 (เจ็ด) วันนับจากวันที่ผู้ซื้อได้รับสินค้า เมื่อบริษัทตรวจสอบและประสานงานกับทางผู้ขายแล้ว โดยผู้ซื้อต้องแสดงเจตนาขอคืนเงินและกรอกแบบฟอร์มการขอคืน/เปลี่ยนสินค้า และส่งแจ้งมายังร้านค้าและบริษัท และเมื่อบริษัททำการตรวจสอบข้อมูลสินค้า และผ่านการตรวจสอบคำขอเอกสารและสินค้าแล้ว บริษัทจะติดต่อกลับผู้ซื้อเพื่อยืนยันการเปลี่ยนสินค้า ผู้ซื้อต้องส่งสินค้ากลับไปที่ร้านค้าโดยมีเลข Tracking พัสดุของสินค้าที่ส่ง ร้านค้าจะดำเนินการตรวจสอบสินค้าและดำเนินการส่งสินค้าชิ้นใหม่ให้ผู้ซื้อหลังจากได้รับสินค้าภายใน 15 วัน ทั้งนี้ หลังจากครบ 7 (เจ็ด) วันนับจากวันที่ผู้ซื้อได้รับสินค้าแล้ว ผู้ซื้อยังสามารถเปลี่ยนหรือส่งซ่อมสินค้ากับผู้ผลิตสินค้าภายใต้เงื่อนไขการรับประกันที่กำหนดไว้สำหรับสินค้านั้นๆ


                    การคืนเงิน/การยกเลิกสินค้า

                    บริษัทจะทำการตรวจสอบคำขอคืนสินค้า พร้อมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยผู้ซื้อต้องแสดงเจตนาขอคืนเงินและกรอกแบบฟอร์มการขอคืน/เปลี่ยนสินค้า และส่งแจ้งมายังผู้ขาย/ร้านค้า และบริษัท เมื่อบริษัททำการตรวจสอบข้อมูลสินค้าและผ่านการตรวจสอบคำขอ เอกสารและสินค้าแล้ว บริษัทจะทำการคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อภายใน 15 (สิบห้า) วันนับจากวันที่บริษัทได้รับเอกสารการขอคืนสินค้า โดยบริษัทจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารหรือช่องทางที่ผู้ซื้อได้แจ้งไว้กับบริษัท (เว้นแต่ กรณีผู้ซื้อชำระด้วยบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต หากทางบริษัทได้รับสินค้าคืนแล้ว บริษัทจะดำเนินการทำเรื่องเพื่อส่งคืนเงินตามธนาคารเจ้าของบัตร ภายใน 15 (สิบห้า) วัน และหลังจากนั้นจะขึ้นอยู่กับเงือนไขของธนาคารเจ้าของบัตรจะดำเนินเรื่องต่อภายใน 30 - 45 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารนั้น ๆ) และยังรับทราบและดำเนินการดำเนินการ ดังนี้

                    1. ในกรณีที่ทางบริษัทรับคำขอคืนสินค้าจากผู้ซื้อ บริษัทจะแจ้งผู้ขายให้โดยทันที

                    2. ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทุกอย่าง เช่น ค่าจัดส่งไปกลับสำหรับการเปลี่ยนหรือคืนสินค้าโดยคู่กรณีที่เป็นเหตุจะต้องรับผิดชอบหรือตามที่ตกลงกันของคู่สัญญา

                    3. ในกรณีที่เลขที่ใบแจ้งคืนสินค้าไม่ได้ระบุไว้ตอนที่ทำเรื่องขอคืนสินค้า กระบวนการในการจัดการกับการคืนสินค้าและการคืนเงินอาจจะเกิดความล่าช้า

                    4. ในกรณีที่ทำเรื่องขอเปลี่ยนสินค้าแต่ผู้ขายไม่มีสินค้าที่เกี่ยวข้องเหลืออยู่ในสต็อก การเปลี่ยนสินค้าจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นจะต้องคืนสินค้าให้กับผู้ขาย

                    5. ผู้ซื้อจะต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวเนื่องจากการขอเปลี่ยนสินค้า เว้นแต่จะขอเปลี่ยนเนื่องมาจากสินค้ามีตำหนิ เมื่อเกิดกรณีนี้ ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบในค่าจัดส่งไปกลับที่สืบเนื่องมากจากสินค้ามีตำหนิ

                    6. ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่ทำให้ผู้ซื้อนั้นเสียหายเป็นผลมาจากการจัดส่งของผู้ขายหรือการจัดส่งที่จัดขึ้นโดยผู้ขาย

                    7. ในกรณีที่ผู้ขายไม่สามารถยืนยันข้อมูลคำสั่งซื้อของผู้ซื้อได้หรือไม่สามารถจัดส่งภายในเวลาที่กำหนดไว้ได้หลังจากที่ได้รับการแจ้งเตือนการชำระเงินที่ยืนยันจากบริษัทแล้ว ทางบริษัทอาจยกเลิกการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องจากคำขอของผู้ซื้อ จากกรณีนี้การชำระเงินจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของบริษัทที่จะคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อ นอกจากนี้ บริษัทจะจัดการเพื่อรับผิดชอบในกระบวนการการคืนเงินอัตโนมัติ เป็นต้น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจากผู้ซื้อตามนโยบาย จากกรณีนี้จะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันล่วงหน้า

                    8. ในกรณีที่ผู้ขายไม่รับผิดชอบหรือทำให้กระบวนการในการยืนยันการเปลี่ยนหรือการคืนสินค้าที่ขอโดยผู้ซื้อล่าช้า ทางบริษัทอาจยกเลิกการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องหลังจากที่พบสาเหตุที่ทำให้การขอเปลี่ยนหรือคืนสินค้าล่าช้าและจะคืนเงินภายใต้การคุ้มครองให้กับผู้ซื้อ

                    9. ในกรณีที่ทางบริษัทตัดสินว่าคำขอเปลี่ยนหรือคืนสินค้าจากผู้ซื้อนั้นล่วงเลยระยะเวลาการคืนหรือรับประกันสินค้าหรือการคืนสินค้าไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนด บริษัทจะขอยกเลิกคำขอและจ่ายการชำระเงินภายใต้การคุ้มครองให้กับผู้ขาย นอกจากนี้ หากผู้ซื้อไม่คืนสินค้าหรือไม่สามารถเข้าถึงได้ (ทางโทรศัพท์ อีเมล เป็นต้น) ภายใน 14 (สิบสี่) วันนับจากวันที่ผู้ซื้อขอเปลี่ยน ขอคืนสินค้า และอื่นๆ ที่ลงทะเบียนแล้ว จะถือว่าผู้ซื้อได้ถอนคำขอดังกล่าวและทางบริษัทจะจ่ายการชำระเงินภายใต้การคุ้มครองให้กับผู้ขาย

                    10. หากการทำธุรกรรมซึ่งผู้ซื้อยืนยันการชำระเงินแล้วถูกยกเลิก ทางบริษัทจะต้องดำเนินการสำคัญภายใน 3 (สาม) วันนับแต่วันที่ได้ยกเลิกการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการเพื่อคืนเงินในราคาซื้อให้กับผู้ขายภายใน 15 (สิบห้า) วันทำการนับจากวันที่ยกเลิกการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่ยกเลิกการทำธุรกรรมซึ่งชำระเงินไปแล้วผ่านทางบัตรเครดิต การยืนยันการยกเลิกชำระเงินจะดำเนินการในทันที ในกรณีที่ยกเลิกการทำธุรกรรมซึ่งชำระเงินไปแล้วโดยใช้การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ใน BeMall กระบวนการในการคืนเงินจะดำเนินการในทันที

                    11. การคืนเงินสินค้าใดๆ ก็ตามที่ชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิตจะคืนให้ได้เมื่อยกเลิกการทำธุรกรรมผ่านทางบัตรเครดิตเท่านั้น และไม่สามารถคืนเป็นเงินสดได้ อย่างไรก็ตามการคืนค่าจัดส่งสินค้า (กรณีการจัดส่งกลุ่ม) สามารถคืนเป็นหน่วยเงินสดได้หลังจากที่ซื้อสินค้าเสร็จสิ้นแล้ว

                    12. ผู้ซื้ออาจยกเลิกการซื้อก่อนที่สินค้าจะจัดส่งมาได้ หากขอยกเลิกขณะที่สินค้ากำลังจัดส่ง คำขอนั้นจะดำเนินการผ่านกระบวนการการคืนสินค้า (ไม่ผ่านกระบวนการการยกเลิกสินค้า)

                    13. การขอยกเลิกใดก็ตามที่ลงทะเบียนหลังการชำระเงินเสร็จสิ้นแล้วจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยทันที

                    14. การขอยกเลิกใดก็ตามที่ขอขณะที่สินค้ากำลังเตรียมการจัดส่ง คำขอนั้นจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นในทันทีตามหลัก อย่างไรก็ตามเมื่อสินค้าที่เกี่ยวข้องจัดส่งไปแล้ว ผู้ซื้อจะต้องรับผิดชอบในค่าจัดส่งไปกลับ


                    วิธีการเปลี่ยน/คืนสินค้า และช่องทางการติดต่อ

                    การซื้อขายหรือให้บริการเป็นหน้าที่ของผู้ขาย รวมถึงการจัดส่งสินค้าและบริการ และการออกใบกำกับภาษี (VAT) ใบกำกับสินค้าอื่นๆ ได้โดยตรง โดยบริษัทเป็นผู้ประสานงานและให้ความสะดวกในการติดต่อกับผู้ขาย นอกจากนี้เพื่อประสานงานต่างๆ บริษัทกำหนดช่องทางติดต่อเพิ่มเติม ดังนี้

ผู้ขาย/สมาชิกร้านค้า สามารถติดต่อได้ที่

- ติดต่อสำนักงาน
บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท ดิจิตอล จำกัด
สำนักงานใหญ่ 256 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400

- ติดต่อผ่าน E-MAIL : admin@fsmartdigital.co.th
- ติดต่อผ่าน line : @nof3392x
ติดต่อทางโทรศัพท์ สำหรับผู้ขาย/ร้านค้า ติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ 0-2278-1777 ต่อ 6313 โดยสามารถแจ้งปัญหาการใช้ บริการ ติดต่อประสานงานเพื่อทราบปัญหาการใช้บริการของสมาชิกร้านค้าได้
เวลาทำการ 10.00 – 18.00 น.



ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุด วันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2561

ข้อมูลร้านค้า

ประเภทร้านค้า *

ข้อมูลส่วนตัว*

ระบบได้ส่งการยืนยันไปยังอีเมลที่คุณใช้ในการลงทะเบียนแล้ว

โปรดตรวจสอบและยืนยันที่อยู่อีเมลของท่านเพื่อให้การลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์